สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี
ลำดับ
|
รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี
|
ระยะเวลาการปฏิบัติงาน
|
1
|
จหมื่นสมุห์พิมาน (เจิม)
|
พ.ศ. -
|
2
|
หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์รักษา (โดม)
|
พ.ศ. -
|
3
|
พระราชพินิจจัย (เหม)
|
พ.ศ. 2448
|
4
|
หลวงเสนานนท์ (อรุณ)
|
พ.ศ. -
|
5
|
หม่อมอมรวงษ์วิจิตร
|
พ.ศ. -
|
6
|
หลวงบาทศุภกิจ
|
พ.ศ. -
|
7
|
พระทรงสุรเดช (เตน)
|
พ.ศ. -
|
8
|
หม่อมเจ้านพมาศ
|
พ.ศ. 2450 - 2452
|
9
|
พระพรหมประสาทศิลป์ (ลี)
|
พ.ศ. 2452 - 2455
|
10
|
พระพิศาลสงคราม (ผล)
|
พ.ศ. 2455 - 2458
|
11
|
พระสิงห์บุรีศรีนัทยเขต (ม.ร.ว.กมล นพวงษ์)
|
พ.ศ. 2458 - 2461
|
12
|
พระยาสิงห์บุรานุรักษ์ (สะอาด บูรณสมภพ)
|
พ.ศ. 2461 - 2472
|
13
|
พระประชากรบริรักษ์
|
พ.ศ. 2472 - 2476
|
14
|
พระยาประเสริฐสุนทราศรัย
|
18 มกราคม 2476 - 2476
|
15
|
พระกำแพงพราหมณ์
|
พ.ศ. 2476 - 2476
|
16
|
หลวงอรรถวิจิตร์จรรยารักษ์
|
มีนาคม 2476 - 2478
|
17
|
หลวงอรรถสิทธิสุนทร
|
พ.ศ. 2478 - 2480
|
18
|
หลวงสรรคประศาสน์
|
27 มกราคม 2480 - 2486
|
19
|
ขุนบริรักษ์บทวัลญช์
|
1 พฤศจิกายน 2486 - 15 สิงหาคม 2490
|
20
|
นายเวศ เพชรานนท์
|
15 สิงหาคม 2490 - 2491
|
21
|
นายสนิท วิไลจิตต์
|
มกราคม 2491 - เมษายน 2493
|
22
|
ขุนบริรักษ์บทวัลญช์
|
17 เมษายน 2493 - 9 กุมภาพันธ์ 2500
|
23
|
นายพุก ฤกษ์เกษม
|
21 กุมภาพันธ์ 2500 - 27 พฤศจิกายน 2506
|
24
|
ร.ต.ท.ปิ่น สหัสโชติ
|
30 พฤศจิกายน 2506 - 6 พฤศจิกายน 2507
|
25
|
นายพัฒน์ พินทุโยธิน
|
7 พฤศจิกายน 2507 - 1 มีนาคม 2509
|
26
|
นายเกษม จียะพันธ์
|
8 มกราคม 2509 - 22 พฤษภาคม 2512
|
27
|
นายเอี่ยม เกรียงศิริ
|
26 พฤษภาคม 2512 - 30 กันยายน 2518
|
28
|
นายบรรโลม ภุชงคกุล
|
14 ตุลาคม 2518 - 1 ธันวาคม 2521
|
29
|
นายชิต นิลพานิช
|
1 ธันวาคม 2521 - 1 ตุลาคม 2523
|
30
|
นายชำนาญ เรืองเผ่าพันธุ์
|
1 ตุลาคม 2523 - 30 กันยาน 2526
|
31
|
นายวิชิต แสงทอง
|
1 ตุลาคม 2526 - 15 มกราคม 2528
|
32
|
นายจำนงค์ อยู่โพธิ์
|
16 มกราคม 2528 - 30 กันยายน 2530
|
33
|
นายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์
|
1 ตุลาคม 2530 - 30 กันยายน 2533
|
34
|
นายปรีดี ตันติพงศ์
|
1 ตุลาคม 2533 - 30 กันยายน 2534
|
35
|
ร.ต.สมพร กุลวานิช
|
1 ตุลาคม 2534 - 30 กันายน 2535
|
36
|
ร.ต.อุทัย ใจหงษ์
|
1 ตุลาคม 2535 - 30 กันยายน 2538
|
37
|
นายวิพัฒน์ คงมาลัย
|
1 ตุลาคม 2538 - 15 เมษายน 2541
|
38
|
นายนิคม บูรณพันธุ์ศรี
|
16 เมษายน 2541 - 1 ตุลาคม 2542
|
39
|
นายพยูณ มีทองคำ
|
1 ตุลาคม 2542 - 30 กันยายน 2544
|
40
|
นายนิวัตน์ สวัสดิ์แก้ว
|
1 ตุลาคม 2544 - 30 กันยายน 2546
|
41
|
นายพระนาย สุวรรณรัฐ
|
1 ตุลาคม 2546 - 30 กันยายน 2547
|
42
|
นางจุฑามาศ ประทีปะวณิช
|
1 ตุลาคม 2547 - 30 กันยายน 2549
|
43
|
นายประภาศ บุญยินดี
|
16 ตุลาคม 2549 - 19 ตุลาคม 2551
|
44
|
นายวิชัย ไพรสงบ
|
20 ตุลาคม 2551 - 15 มีนาคม 2552
|
45
|
นายชุมพร พลรักษ์
|
16 มีนาคม 2552 - 27 กันายน 2552
|
46
|
นายชิดพงษ์ ฤทธิประศาสน์
|
28 กันยายน 2552 - 30 กันยายน 2553
|
47
|
นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ
|
1 ตุลาคม 2553 - 18 พฤศจิกายน 2555
|
48
|
นายสุรพล แสวงศักดิ์
|
19 พฤศจิกายน 2555 - ตุลาคม 2557
|
49
|
นายชโลธร ผาโคตร
|
ตุลาคม 2557 - 30 กันยาน 2558
|
50
|
นายอัครเดช เจิมศิริ
|
พฤศจิกายน 2558 - 30 กันยายน 2559
|
51
|
นายพศิน โกมลวิชญ์
|
1 ตุลาคม 2559 - 4 เมษายน 2560
|
52
|
นายสุทธา สายวาณิชย์
|
1 ตุลาคม 2560 - 30 กันยายน 2561
|
53
|
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์
|
1 ตุลาคม 2561 - 30 กันยายน 2564
|
54 | นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม |
1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565 |
55 | นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ | 1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2566 |
56 | นายสุเมธ ธีรนิติ | 17 ธันวาคม 2566 - ปัจจุบัน |
ความรู้เกี่ยวกับ อบต.
ความรู้เกี่ยวกับองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.
สภาตำบล พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 กำหนดพื้นที่ตำบล ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่ ส่วนที่อยู่นอกเขตเทศบาล และสุขาภิบาล มีสภาตำบลเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารงานในตำบลมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำนาจหน้าที่ในการก่อนิติสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และมีความสามารถ ในการจัดทำโครงการและงบประมาณด้วยตนเอง ปัจจุบันมีสภาตำบลนิติบุคคล จำนวน 567 แห่ง
สภาตำบลมีโครงสร้างที่เป็นไปในรูปแบบของคณะกรรมการ ดังนี้
1. สมาชิกสภาตำบลโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบลและแพทย์ประจำตำบล
2. สมาชิกสภาตำบล ซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้น หมู่บ้านละ 1 คน
กำนันมีตำแหน่งเป็นประธานสภาตำบลโดยตำแหน่ง มีรองประธานสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งมาจากสมาชิกสภาตำบลตามมติของสภาตำบล และมีเลขานุการสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งสภาตำบลเลือกจากข้าราชการที่ปฏิบัติงานในตำบลนั้น หรือจากบุคคลอื่นตามมติของสภาตำบลแล้วเสมอให้นายอำเภอแต่งตั้ง
อำนาจหน้าที่ของสภาตำบล พัฒนาตำบลตามแผนงานโครงการงบประมาณของสภาตำบล เสนอแนะส่วนราชการในการบริหารราชการและพัฒนาตำบล ปฏิบัติหน้าที่ของ คณะกรรมการตำบลตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ (พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457) และหน้าที่อื่น ตามที่กฎหมายกำหนด (ม.23) ในกรณีที่สภาตำบลจะดำเนินกิจการของตนเองนอกเขตตำบลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และได้รับความยินยอม จากสภาตำบล หรือหน่วยการบริหารส่วนราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และกิจการนั้นต้องมีความจำเป็น และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาตำบลด้วย
การบริหารงานของสภาตำบล สภาตำบลบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยมีประธานสภาตำบลเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินกิจการตามมติของสภาตำบล ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาตำบล ในการทำนิติกรรมของสภาตำบลจะต้องประกอบด้วยบุคคลสามคน คือ ประธานสภาตำบล เลขานุการสภาตำบล และสมาชิกสภาตำบลผู้รับมอบอำนาจในการทำนิติกรรมอีกคนหนึ่ง ซึ่งในการทำนิติกรรมผู้มีอำนาจทำนิติกรรมแทนสภาตำบล จะต้องลงชื่อ ให้ครบทั้งสามคน มิฉะนั้นนิติกรรมนั้นจะไม่มีผลผูกพันสภาตำบล
การกำกับดูแลสภาตำบล ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายอำเภอ จะเป็นผู้กำกับดูแลปฏิบัติงาน ของสภาตำบลให้เป็นไปตามกฎหมาย มีอำนาจยับยั้ง การดำเนินงานของสภาตำบล ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ทางราชการไว้เป็นการชั่วคราว แล้วรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อวินิจฉัย เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับเรื่องจากนายอำเภอแล้วจะวินิจฉัยเป็น 2 กรณี กล่าวคือ หากผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นว่านายอำเภอดำเนินการถูกต้องแล้ว ก็ให้สั่งสภาตำบลระงับการดำเนินการดังกล่าวนั้น แต่หากว่าผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นว่าการดำเนินการของสภาตำบล เป็นไปโดยชอบแล้วก็ให้สั่งการเพิกถอนยับยั้งของนายอำเภอได้ นอกจากนั้นพระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ในการยุบสภาตำบล ตามการเสนอแนะของนายอำเภอได้
องค์การบริหารส่วนตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ.2499 เป็นการจัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีการบริหารตนเอง และมีสภาตำบลทำหน้าที่ควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการตำบล แต่เนื่องจากขาดประสิทธิภาพในการทำงาน จึงถูกยกเลิกไป
ในปี พ.ศ.2515 รัฐบาลเห็นว่าควรจะมีการปรับปรุงรูปแบบการจัดการบริหารของตำบลให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ สภาตำบลจึงไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล จึงขาดอิสระในการทำงานประชาชนไม่สนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับการดำเนินงานของสภาตำบล
จากแนวคิดกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นรัฐบาลจึงออกพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอิสระในการบริหารงานประชาชนในท้องถิ่นแล้ว ยังได้กำหนดรูปแบบการบริหารงานในตำบลที่มีรายได้โดยไม่รวมเงินอุดหนุนในปีงบประมาณที่ล่วงมาติดต่อกันสามปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท จะได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกว่า " องค์การบริหารส่วนตำบล " ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 6,397 แห่ง
ซึ่งมีส่วนร่วมในการเลือกผู้บริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีงบประมาณเป็นของตนเอง เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2540 เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ระบุว่าสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีวาระ 4 ปี คณะผู้บริหารท้องถิ่น มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชน หรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น มีวาระ 4 ปี โดยไม่ต้องเป็นข้าราชการ ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
โครงสร้างขององค์การบริหารส่วนตำบล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. สภาองค์การบริหารส่วนตำบล
ประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวนหมู่บ้านละ 2 คน ซึ่งเลือกตั้งขึ้นโดยราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละหมู่บ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น (มาตรา 45) ซึ่งได้แก้ไขแล้วโดย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542
ไม่มีการแต่งตั้งสมาชิกโดยตำแหน่งอีกต่อไป ถ้าเขต อบต. ใดมีเพียง 1 หมู่บ้าน ให้มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเพียง 6 คน ถ้ามีเพียง 2 หมู่บ้าน ให้มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่บ้านละ 3 คน มีอายุอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (มาตรา 45 วรรค 3 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542)
สภาองค์การบริหารส่วนตำบลมีประธานสภาหนึ่งคน รองประธานสภาหนึ่งคน ซึ่งเลือกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ให้นายอำเภอแต่งตั้งตามมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งสองตำแหน่งอยู่ในวาระได้เพียง 2 ปี (มาตรา 48 และ 49)
สภาองค์การบริหารส่วนตำบลเลือกสมาชิกคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภาองค์การ (มาตรา 57) ส่วนเลขานุการของคณะกรรมการบริหาร อบต. นั้นกฎหมายกำหนดให้เป็นปลัด อบต. (มาตรา 58 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542)
2. คณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล
ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พศ.2537 ประกอบด้วยกรรมการ ซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งตามมติ ของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจากกำนัน และจากผู้ใหญ่บ้านไม่เกินสองคน และจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งไม่เกินสี่คน คณะกรรมการบริหารส่วนตำบล มีประธานกรรมการบริหารคนหนึ่ง เลือกจากกรรมการบริหารด้วยกัน แต่ในบทเฉพาะกาล กำหนดให้กำนัน เป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลโดยตำแหน่ง ในระยะเวลา 4 ปีแรกที่ใช้พระราชบัญญัตินี้ (จนถึงงันที่ 2 มีนาคม 2542)
แต่ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติสภาตำบลฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดให้คณะกรรมการ บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบด้วยประธานกรรมการบริหารคนหนึ่งและกรรมการบริหารจำนวนสองคน ซึ่งสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลือกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลแล้วเสนอให้นายอำเภอแต่งตั้ง (มาตรา 58) ให้ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเลขานุการคณะกรรมการบริหาร (มาตรา 58 วรรค 2)
การกำกับดูแลองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.มีฐานะเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ที่นับว่าเป็นการกระจายอำนาจทางการบริหาร และการตัดสินใจ ไปสู่องค์กร ระดับตำบลและประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบล เป็นไปในทางที่ถูกต้อง สอดคล้องกับกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับ ของทางราชการ จึงให้นายอำเภอเป็นผู้ดูแลการปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบล และมีอำนาจเรียกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล กรรมการบริหารพนักงานส่วนตำบล และลูกจ้างขึ้นมาชี้แจงหรือสวบสวน รวมทั้งเรียกรายงาน หรือเอกสารใดๆ มาตรวจสอบได้ และให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งยุบสภาองค์การบริหารส่วนตำบล หรือให้คณะกรรมการบริหารทั้งคณะ หรือกรรมการ บริหารรายบุคคลพ้นจากตำแหน่งได้ตามคำเสนอของนายอำเภอ
โครงสร้างองค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตำบล
อำนาจหน้าที่ของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
ความรับผิดชอบการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการบริหารองค์การส่วนตำบลจะรับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล โดยประธานกรรมการบริหาร จะเป็นผู้แทนขององค์การบริหารส่วนตำบลและมีพนักงานส่วนตำบลเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำขององค์การบริหารส่วนตำบลอีกด้วย
รายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบล
จังหวัดสิงห์บุรี มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน 3 สายคือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อยและแม่น้ำลพบุรี นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสายอื่นๆ อีกเช่น ลำน้ำแม่ลา ลำน้ำการ้อง ลำน้ำเชียงราก ลำน้ำโพธิ์ชัย เป็นต้น
ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมและด้านอื่นๆ
ของฝากจังหวัดสิงห์บุรี
สินค้าพื้นบ้านและของที่ระลึก
การศึกษา
ในปี ๒๕๔๒ จังหวัดสิงห์บุรีมีสถานศึกษารวมทั้งสิ้น ๑๘๔ แห่ง มีครูหรืออาจารย์ ๓,๑๗๑ คน และนักเรียน นักศึกษา ๕๓,๓๙๘ คน ซึ่งอัตราส่วน ครูหรืออาจารย์ต่อนักเรียน นักศึกษา เป็น ๑ ต่อ ๑๗ โดยแยกการศึกษาออกเป็น ๒ ระบบ ดังนี้
๑. การศึกษาในระบบโรงเรียน มีสถานศึกษา ๑๗๘ แห่ง ครูหรืออาจารย์ ๓,๑๔๑ คน นักเรียนนักศึกษา ๔๗,๔๒๙ คน คิดเป็นอัตราส่วน ครูหรืออาจารย์ ต่อนักเรียน นักศึกษา เป็น ๑ ต่อ ๑๖
๒. การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีสถานศึกษา ๖ แห่ง ครูหรืออาจารย์ ๓๐ คน นักเรียนนักศึกษา ๕,๙๖๙ คน คิดเป็นอัตราส่วน ครูหรืออาจารย์ ต่อ นักเรียน นักศึกษา เป็น ๑ ต่อ ๑๙๙
จากข้อมูล จปฐ. ปี ๒๕๔๒ จังหวัดสิงห์บุรีมีเด็กในชนบทอายุครบเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ๑๑,๘๐๘ คน ได้เข้าเรียน ๑๑,๘๐๘ คน (ร้อยละ ๑๐๐) ซึ่งผ่านเกณฑ์ จปฐ. ที่กำหนดไว้ (กำหนดร้อยละ ๑๐๐) และจากข้อมูลของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสิงห์บุรี เด็กที่จบการศึกษาภาคบังคับในปีการศึกษา ๒๕๔๑ ได้เข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษา (ม.๑) ร้อยละ ๙๘.๐๔ และเด็กที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้เข้าเรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ ๔๖.๐๒ และเรียนต่อสายอาชีพ ร้อยละ ๔๓.๗๙ มีเพียงร้อยละ ๑๐.๑๙ ที่จบการศึกษาระดับมัธยมตอนต้นแล้วไม่ได้เรียนต่อ
ศาสนา
ในปี ๒๕๔๒ จังหวัดสิงห์บุรีมีพุทธศาสนิกชน ๒๒๕,๑๒๘ คน (ร้อยละ ๙๙.๔๙) จำนวนวัด ๑๗๖ แห่ง อิสลาม ๘๘๙ คน (ร้อยละ ๐.๓๖) จำนวนมัสยิด ๑ แห่ง คริสต ์ ๓๗๓ คน (ร้อยละ ๐.๑๕) จำนวนโบสถ์คริสต์ ๒ แห่ง
2023 © Thepsatri Rajabhat University