สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี

:: ประวัติ-สภาพทั่วไป ::

ตราประจำจังหวัด

ssal2

ตราประจำจังหวัดสระบุรี เป็นรูปมณฑปพระพุทธบาท หมายถึง มณฑปครอบรอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ตั้งอยู่ ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมือง ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

me10 

 คำขวัญประจำจังหวัดสระบุรี

                  พระพุทธบาทลือนาม
                      แหล่งน้ำอุดม
                    นมเนื้อมากมาย
                  หลากหลายโรงงาน
                   ถิ่นข้าวสารพันธุ์ดี
                    มีมะม่วงรสเลิศ
                งามบรรเจิดธรรมชาติ

me10 

 ต้นไม้ประจำจังหวัดสระบุรี

 

tabak

          ชื่อพรรณไม้  ตะแบกนา
          ชื่อวิทยาศาสตร์ Lagerstroemai floribanda

          ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15 - 30 เมตร เปลือกเรียบสีเทาอมขาว แตกล่อนเป็นหลุมตื้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบสอบ ดอกสีม่วงอมชมพู ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ผลรูปรี เมล็ดมีปีก

me10

ดอกไม้ประจำจังหวัดสระบุรี

Supannika

me10
ความเป็นมาของจังหวัดสระบุรี

          สระบุรีเป็นเมืองเก่าแก่ และมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16-20 แต่เพิ่งมาก่อตั้งเป็นเมืองอย่างจริงจังในสมัยอยุธยาเป็นราชธานี ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ มูลเหตุแห่งการตั้งเมืองเนื่องจากต้องการใช้เป็นที่ระดมพลในยามสงคราม และดำรงสถานะเมืองมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
          ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้รับการจัดตั้งเป็นจังหวัด มีการตัดทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือและถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ผ่านไปยังจังหวัดนครราชสีมา จนปัจจุบันสระบุรีได้กลายเป็นชุมทางการคมนาคมที่สำคัญของทั้งภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และจังหวัดทางแถบตะวันตก
          ส่วนชื่อของเมือง มีการสันนิษฐานว่าเดิมที่ตั้งเป็นเมืองมีพื้นที่อยู่ในทำเลใกล้บึงหนองโง้ง หลังจากตั้งเป็นเมืองจึงนำเอาคำว่า "สระ" มารวมกับคำว่า "บุรี" และใช้เป็นชื่อเมือง "สระบุรี" มาจนถึงปัจจุบัน

me10

ประวัติศาสตร์จังหวัดสระบุรี

สมัยอยุธยา
          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงสันนิษฐานว่าสระบุรีเป็นเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาราวปีพุทธศักราช 2092 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งครองราชสมบัติระหว่างปีพุทธศักราช 2091-2111
          หลังว่างเว้นการสงครามมาระยะหนึ่ง เมื่อมีข้าศึกศัตรูโดยเฉพาะศึกพม่ามาประชิดติดพระนครทำให้เพลี่ยงพล้ำต่อข้าศึก จนครั้งหนึ่งต้องสูญเสียสมเด็จพระศรีสุริโยทัยอัครมเหสี ซึ่งปลอมตัวเป็นชายเสด็จตามทัพของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไป ณ ทุ่งลุมพลี หรือทุ่งมะขามย่อง ชานพระนครด้านทิศเหนือ
          หลังเสร็จศึกพม่าคราวนั้นแล้ว ได้มีการปรึกษาข้อราชการเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการป้องกันประเทศใหม่ โดยเฉพาะปัญหาไพร่พลที่เกณฑ์เข้ามาได้น้อย ไม่เพียงพอต่อการต้านข้าศึก จึงโปรดให้จัดตั้งเมืองรอบพระนครเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ เช่น เมืองสุพรรณบุรี เมืองอินทร์บุรี เมืองพรหมบุรี เมืองสิงห์บุรี เมืองลพบุรี และเมืองนครนายก
          หัวเมืองรอบนอกเหล่านี้ เดิมได้มีการก่อกำแพงรอบเมือง เพื่อให้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกไม่ให้ตีแตกได้โดยง่าย ภายหลังเมื่อถูกศัตรูตีแตกและยึดได้ กลับกลายเป็นประโยชน์แก่ข้าศึกไป จึงได้มีการพิจารณาปรับปรุงไปในคราวเดียวกัน
          สำหรับเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในคราวนั้น เฉพาะที่มีบันทึกในพระราชพงศาวดาร ได้แก่ เมืองสาครบุรี เมืองนครชัยศรี และเมืองนนทบุรี ซึ่งล้วนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางแถบตะวันตกและทิศใต้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงทรงสันนิษฐานว่า ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็น่าที่จะมีการตั้งเมืองขึ้นใหม่ สำหรับเป็นที่ระดมพล เพื่อไปช่วยหัวเมืองทางด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกยามมีข้าศึกยกมาเช่นเดียวกัน
          ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ด้านทิศตะวันออก ได้แก่ เมืองฉะเชิงเทรา ส่วนเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เมืองสระบุรี ที่สันนิษฐานเช่นนั้น เนื่องจากต่อมาไม่นานชื่อเมืองสระบุรีก็ได้ปรากฏบนหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยปรากฏครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ครั้งทรงขึ้นครองราชย์ครั้งที่ 2 หรือราวพุทธศักราช 2098 ซึ่งได้ข่าวว่าหัวเมืองฝ่ายเหนือถูกพม่ายึดได้และกำลังเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้พระนคร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงจัดไพร่พลเตรียมทัพไว้สำหรับปกป้องพระนคร ดังความตอนหนึ่งในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาที่ว่า

          "...อนึ่งหน้าที่ซึ่งเป็นหน้าที่กวดขัน พระเจ้าอยู่หัวก็ไว้พระยากลาโหมและพระยาพลเทพ พระมหาเทพเมืองชัยนาถ เมืองสุพรรณบุรี เมืองลพบุรี เมืองอินทรบุรี เมืองเพชรบุรี เมืองราชบุรี เมืองนครนายก เมืองสระบุรี เมืองพรหมบุรี เมืองสรรคบุรี เมืองสิงคบุรี เมืองนครชัยศรี เมืองธนบุรี เมืองมฤต ทั้งนี้อยู่ประจำหน้าที่แต่ประตูหอรัตนชัย..."

          ส่วนชื่อเจ้าเมืองสระบุรีได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งจัดทัพเตรียมขึ้นไปปราบประเทศกัมพูชาที่คิดไม่ซื่อต่อกรุงศรีอยุธยาตลอดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าจักรพรรดิ เช่นราวพุทธศักราช 2125 ดังความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า

          "...มีพระราชบริหารสั่งพระยานครนายก พระยาปราจีน พระวิเศษเมืองฉะเชิงเทรา พระสระบุรี 4 หัวเมือง ให้พระยานครนายกเป็นแม่กองใหญ่คุมพลหมื่นหนึ่งออกไปตั้งค่ายขุดคูปลูกยุ้งฉางถ่ายลำเรียงไว้ตามตำบลทำนบรักษาให้มั่นอย่าให้เสียทีแก่ข้าศึก ฝ่ายพระยานครนายก พระยาปราจีน พระยาวิเศษฉะเชิงเทรา พระสระบุรีกราบถวายบังคมลาและก็ไปทำตามพระราชบัญชาสั่ง..."

          สำหรับเมืองที่ตั้งขึ้นในคราวตั้งเมืองสระบุรีล้วนเป็นเมืองที่กำหนดแต่เขตแดน ไม่ได้กำหนดที่ตั้งเมืองแน่นอนด้วยเพราะมีจุดประสงค์เพียงเพื่อความสะดวกในการระดมพลในยามสงครามเท่านั้น เหตุนี้จึงถือเอาที่อยู่ของเจ้าเมืองเป็นเกณฑ์กำหนดที่ตั้ง เจ้าเมืองย้ายไปที่ใดที่ตั้งเมืองก็ย้ายไปตามนั้น และเป็นอยู่เช่นนี้จนเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์

          สมัยรัตนโกสินทร์
          ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ สระบุรียังคงเป็นเมืองเปิด มีหน้าที่ระดมพลเพื่อไปช่วยทัพหลวง และหัวเมืองฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือและฝ่ายเหนืออยู่เป็นประจำโดยเฉพาะในรัชสมัยรัชกาลที่ 1-3 ได้ยกทัพไปปราบหัวเมือง เช่น เวียงจันทน์ หลวงพระบาง และกัมพูชาที่คิดกบฏอยู่บ่อยๆ
          การปกครองหัวเมืองต่างๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยังคงไม่แตกต่างจากสมัยอยุธยานัก คือ เมืองยิ่งไกลพระนครมากเท่าไรก็มีอิสระในการปกครองตนเองมากเท่านั้น เนื่องจากการคมนาคมยังไม่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองเป็นไปอย่างลำบาก
          จนในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้จัดระบบการปกครองส่วนภูมิภาคขึ้นใหม่เป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล คือ ในเมืองหนึ่งๆ จะแบ่งการปกครองออกเป็นอำเภอ ตำบล ขึ้นอยู่ในการปกครองของเจ้าเมือง ส่วนเมืองต่างๆ ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกันก็จะจัดตั้งเป็นมณฑลขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลและปกครอง เมื่อแรกตั้งมีอยู่ 6 มณฑลต่อมาได้ตั้งเพิ่มเติมอีกหลายมณฑล สำหรับสระบุรีขึ้นอยู่ในการปกครองของมณฑลกรุงเก่า *ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพดำรงพระยศเป็นเสนาบดีมหาดไทย พระองค์ได้จัดระเบียบการปกครองเป็นแบบรวมอำนาจไว้ ณ จุดเดียว คือ ส่วนกลาง พร้อมกับเปลี่ยนระบบการปกครองส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาหัวเมืองต่างๆ หมายถึงรัฐไม่ยอมให้อำนาจการปกครองไปอยู่ที่เจ้าเมืองอีกต่อไป โดยเริ่มจัดตั้งขึ้นในปีพุทธศักราช 2435 แล้วเสร็จในปีพุทธศักราช 2458 *เข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 7 ตรงกับพุทธศักราช 2476 ได้มีการเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นแบบประชาธิปไตย และได้มีการตราพระราชบัญญัติการปกครองเป็นแบบกระจายอำนาจสู่ภูมิภาคเปลี่ยนจาการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
          สำหรับเมื่อสระบุรีก็ได้จัดตั้งเป็นจังหวัดสระบุรีในคราวเดียวกันนี้เมื่อแรกศาลากลางจังหวัดตั้งอยู่ที่อำเภอเสาไห้ ต่อมาความเจริญต่างๆ ได้ย้ายมาอยู่ที่บริเวณตำบลปากเพรียว อำเภอปากเพรียว เนื่องจากได้มีการตัดทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือผ่านพื้นที่ไปยังจังหวัดนครราชสีมา ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวกลายเป็นชุมทาง และชุมชนการค้า จนทางการเห็นว่า ศาลากลางน่าจะอยู่ในท้องที่ที่มีความเจริญมากกว่าจึงได้มีคำสั่งย้ายที่ตั้งศาลากลางมาอยู่ ณ ตำบลปากเพรียว ได้เปลี่ยนใหม่เป็นอำเภอเมืองสระบุรี
          บริเวณที่ตั้งศาลากลางในปัจจุบันคือ ถนนเทศบาล 3 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี โดยย้ายมาจากที่เดิมเนื่องจากสถานที่คับแคบ ไม่สะดวกต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และการบริหารประชาชน

me10
สภาพทั่วไปของจังหวัดสระบุรี

          1. สภาพทางภูมิศาสตร์
                    
1.1 ที่ตั้งและอณาเขต
                    จังหวัดสระบุรีมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,576 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,096,000 ไร่ อาณาเขตและจังหวัดใกล้เคียงที่ติดต่อกับจังหวัดสระบุรี มีอยู่ 6 จังหวัด คือ

 

          ทิศเหนือ เขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอหนองโดน อำเภอพระพุทธบาทติดต่อกับจังหวัดลพบุรี
          ทิศใต้ เขตอำเภอวิหารแดง ติดต่อกับจังหวัดนครนายก อำเภอหนองแคติดต่อจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
          ทิศตะวันออก เขตอำเภอแก่งคอย และอำเภอมวกเหล็ก ติดต่อกับจังหวัดนครนายก และจังหวัดนครราชสีมา
          ทิศตะวันตก เขตอำเภอหนองแค อำเภอหนองแซง อำเภอเสาไห้ อำเภอบ้านหมอ และอำเภอดอนพุด ติดต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

                     1.2 ลักษณะภูมิประเทศ
                    สภาพพื้นที่โดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ เป็นที่ราบสูงสลับภูเขา มีป่าไม้หนาแน่นในเขตเขาสูงและ พื้นที่ราบลุ่ม จัดเป็นดินตะกอนใหม่เนื่องจากเคยเป็นทะเลมาก่อน
                    1.3 ลักษณะภูมิอากาศ
                    ส่วนสภาพอากาศของจังหวัดสระบุรีไม่แตกต่างจากจังหวัดที่อยู่ในเขตที่ราบลุ่มเดียวกันนัก สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละฤดูกาลไม่แตกต่างกันเท่าใด อุณหภูมิเฉลี่ยสูงประมาณ 34 องศาเซลเซียส และต่ำสุดประมาณ 23 องศาเซลเซียส

          2. ประชากร
          จำนวนประชากรของจังหวัดสระบุรี ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 มีประชากร รวมทั้งสิ้น 593,125 คน แบ่งเป็นชาย 296,280 คน และเป็นหญิง 296,855 คนสำหรับ อำเภอที่มีประชากรมากที่สุดได้แก่ อำเภอเมือง มีจำนวน 112,157 คน รองลงมาได้แก่ อำเภอ แก่งคอยมีจำนวน 87,048 คน และอำเภอหนองแคมีจำนวน 84,752 คน ฯลฯ 

           3. เขตการปกครอง

          จังหวัดสระบุรีมีพื้นที่ขนาดไม่กว้างใหญ่มากนัก อีกทั้งลักษณะพื้นที่ยังเป็นพื้นที่ราบเสียส่วนใหญ่ มีการคมนาคมที่สะดวกสบายทำให้ง่ายต่อการปกครองและการบริหารราชการ ทั้งนี้ได้แบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
          - การบริหารราชการส่วนกลาง หน่วยงานของส่วนกลางและรัฐวิสาหกิจเข้ามาตั้งที่ทำการอยู่ภายในจังหวัดกว่า 40 แห่ง
          - การบริหารราชการส่วนภูมิภาค แบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 13 อำเภอ 111 ตำบล 955 หมู่บ้าน อำเภอต่างๆ ได้แก่ อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอเสาไห้ อำเภอหนองแซง อำเภอหนองแค อำเภอวิหารแดง อำเภอแก่งคอย อำเภอมวกเหล็ก อำเภอวังม่วง อำเภอพระพุทธบาท อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอบ้านหมอ อำเภอหนองโดน และอำเภอดอนพุด
          - การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น แบ่งการบริหารออกเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 4 เทศบาล 17 สุขาภิบาล และ 103 องค์การบริหารส่วนตำบล

จังหวัดสระบุรี แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ 111 ตำบล 963 หมู่บ้าน 21 เทศบาล103 องค์การบริหารส่วนตำบล

ตารางแสดงเขตการปกครองพื้นที่จำแนกรายอำเภอ

อำเภอ
จำนวนตำบล และหมู่บ้านทั้งจังหวัด
จำนวนตำบลและหมู่บ้านในเขตอบต.
จำนวนเทศบาล
ตำบล
หมู่บ้าน
ตำบล
หมู่บ้าน
1. อำเมืองสระบุรี
11
77
10
76
2
2. อำเภอแก่งคอย
14
112
12
102
2
3. อำเภอหนองแค
18
181
17
178
3
4. อำเภอหนองแซง
9
69
9
67
1
5. อำเภอบ้านหมอ
9
79
8
66
2
6. อำเภอเสาไห้
12
101
12
86
3
7. อำเภอพระพุทธบาท
9
68
7
68
1
8. อำเภอวิหารแดง
6
54
6
40
2
9. อำเภอมวกเหล็ก
6
80
6
77
1
10. อำเภอหนองโดน
4
34
4
33
1
11. อำเภอดอนพุด
4
28
3
23
1
12. อำเภอวังม่วง
3
31
3
29
1
13.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
6
49
6
42
1
รวม
111
963
103
887
21

          4. สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม
          สภาพทางเศรษฐกิจ ประชากรมีรายได้ เฉลี่ยต่อหัว 127,876 บาทต่อปี เป็นอันดับ 7 ของภาคกลาง และ เป็นอันดับที่ 8 ของประเทศ โดยทั้งจังหวัดมีผลิตภัณฑ์มวลรวม 67,774,028 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม มากที่สุด ถึงร้อยละ 46.30 % คิดเป็นมูลค่า31,377,706 ล้านบาท รองลงมาเป็นสาขาเหมืองแร่ และการย่อยหิน ร้อยละ 12.27 คิดเป็นมูลค่า8,315,374 ล้านบาท และสาขาการไฟฟ้าและประปา ร้อยละ 7.73 คิดเป็นมูลค่า 5,239,929 ล้านบาท อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 10.44 (ปี 2538)
          สภาพทางสังคม จังหวัดสระบุรีเป็นจังหวัดที่มีการบริการด้านการศึกษาที่ดีพอสมควร ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงปริญญาตรี จำนวน 385 แห่ง ด้านไฟฟ้า น้ำประปา และโทรศัพท์ มีบริการทั่วทุกหมู่บ้าน อย่างเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้

me10