สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี

ความรู้เกี่ยวกับ อบต.

ความรู้เกี่ยวกับองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.

          สภาตำบล พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 กำหนดพื้นที่ตำบล ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่ ส่วนที่อยู่นอกเขตเทศบาล และสุขาภิบาล มีสภาตำบลเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารงานในตำบลมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำนาจหน้าที่ในการก่อนิติสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และมีความสามารถ ในการจัดทำโครงการและงบประมาณด้วยตนเอง ปัจจุบันมีสภาตำบลนิติบุคคล จำนวน 567 แห่ง

สภาตำบลมีโครงสร้างที่เป็นไปในรูปแบบของคณะกรรมการ ดังนี้

          1. สมาชิกสภาตำบลโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบลและแพทย์ประจำตำบล
          2. สมาชิกสภาตำบล ซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้น หมู่บ้านละ 1 คน

          กำนันมีตำแหน่งเป็นประธานสภาตำบลโดยตำแหน่ง มีรองประธานสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งมาจากสมาชิกสภาตำบลตามมติของสภาตำบล และมีเลขานุการสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งสภาตำบลเลือกจากข้าราชการที่ปฏิบัติงานในตำบลนั้น หรือจากบุคคลอื่นตามมติของสภาตำบลแล้วเสมอให้นายอำเภอแต่งตั้ง

          อำนาจหน้าที่ของสภาตำบล พัฒนาตำบลตามแผนงานโครงการงบประมาณของสภาตำบล เสนอแนะส่วนราชการในการบริหารราชการและพัฒนาตำบล ปฏิบัติหน้าที่ของ คณะกรรมการตำบลตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ (พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457) และหน้าที่อื่น ตามที่กฎหมายกำหนด (ม.23) ในกรณีที่สภาตำบลจะดำเนินกิจการของตนเองนอกเขตตำบลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และได้รับความยินยอม จากสภาตำบล หรือหน่วยการบริหารส่วนราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และกิจการนั้นต้องมีความจำเป็น และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาตำบลด้วย

          การบริหารงานของสภาตำบล สภาตำบลบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยมีประธานสภาตำบลเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินกิจการตามมติของสภาตำบล ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาตำบล ในการทำนิติกรรมของสภาตำบลจะต้องประกอบด้วยบุคคลสามคน คือ ประธานสภาตำบล เลขานุการสภาตำบล และสมาชิกสภาตำบลผู้รับมอบอำนาจในการทำนิติกรรมอีกคนหนึ่ง ซึ่งในการทำนิติกรรมผู้มีอำนาจทำนิติกรรมแทนสภาตำบล จะต้องลงชื่อ ให้ครบทั้งสามคน มิฉะนั้นนิติกรรมนั้นจะไม่มีผลผูกพันสภาตำบล

          การกำกับดูแลสภาตำบล ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายอำเภอ จะเป็นผู้กำกับดูแลปฏิบัติงาน ของสภาตำบลให้เป็นไปตามกฎหมาย มีอำนาจยับยั้ง การดำเนินงานของสภาตำบล ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ทางราชการไว้เป็นการชั่วคราว แล้วรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อวินิจฉัย เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับเรื่องจากนายอำเภอแล้วจะวินิจฉัยเป็น 2 กรณี กล่าวคือ หากผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นว่านายอำเภอดำเนินการถูกต้องแล้ว ก็ให้สั่งสภาตำบลระงับการดำเนินการดังกล่าวนั้น แต่หากว่าผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นว่าการดำเนินการของสภาตำบล เป็นไปโดยชอบแล้วก็ให้สั่งการเพิกถอนยับยั้งของนายอำเภอได้ นอกจากนั้นพระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ในการยุบสภาตำบล ตามการเสนอแนะของนายอำเภอได้

องค์การบริหารส่วนตำบล

          องค์การบริหารส่วนตำบลได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ.2499 เป็นการจัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีการบริหารตนเอง และมีสภาตำบลทำหน้าที่ควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการตำบล แต่เนื่องจากขาดประสิทธิภาพในการทำงาน จึงถูกยกเลิกไป
ในปี พ.ศ.2515 รัฐบาลเห็นว่าควรจะมีการปรับปรุงรูปแบบการจัดการบริหารของตำบลให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ สภาตำบลจึงไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล จึงขาดอิสระในการทำงานประชาชนไม่สนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับการดำเนินงานของสภาตำบล

         จากแนวคิดกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นรัฐบาลจึงออกพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอิสระในการบริหารงานประชาชนในท้องถิ่นแล้ว ยังได้กำหนดรูปแบบการบริหารงานในตำบลที่มีรายได้โดยไม่รวมเงินอุดหนุนในปีงบประมาณที่ล่วงมาติดต่อกันสามปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท จะได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกว่า " องค์การบริหารส่วนตำบล " ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 6,397 แห่ง
ซึ่งมีส่วนร่วมในการเลือกผู้บริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีงบประมาณเป็นของตนเอง เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2540 เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ระบุว่าสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีวาระ 4 ปี คณะผู้บริหารท้องถิ่น มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชน หรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น มีวาระ 4 ปี โดยไม่ต้องเป็นข้าราชการ ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น

โครงสร้างขององค์การบริหารส่วนตำบล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

          1. สภาองค์การบริหารส่วนตำบล

          ประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวนหมู่บ้านละ 2 คน ซึ่งเลือกตั้งขึ้นโดยราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละหมู่บ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น (มาตรา 45) ซึ่งได้แก้ไขแล้วโดย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542
ไม่มีการแต่งตั้งสมาชิกโดยตำแหน่งอีกต่อไป ถ้าเขต อบต. ใดมีเพียง 1 หมู่บ้าน ให้มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเพียง 6 คน ถ้ามีเพียง 2 หมู่บ้าน ให้มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่บ้านละ 3 คน มีอายุอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (มาตรา 45 วรรค 3 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542)
สภาองค์การบริหารส่วนตำบลมีประธานสภาหนึ่งคน รองประธานสภาหนึ่งคน ซึ่งเลือกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ให้นายอำเภอแต่งตั้งตามมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งสองตำแหน่งอยู่ในวาระได้เพียง 2 ปี (มาตรา 48 และ 49)
สภาองค์การบริหารส่วนตำบลเลือกสมาชิกคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภาองค์การ (มาตรา 57) ส่วนเลขานุการของคณะกรรมการบริหาร อบต. นั้นกฎหมายกำหนดให้เป็นปลัด อบต. (มาตรา 58 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542)

          2. คณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล

          ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พศ.2537 ประกอบด้วยกรรมการ ซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งตามมติ ของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจากกำนัน และจากผู้ใหญ่บ้านไม่เกินสองคน และจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งไม่เกินสี่คน คณะกรรมการบริหารส่วนตำบล มีประธานกรรมการบริหารคนหนึ่ง เลือกจากกรรมการบริหารด้วยกัน แต่ในบทเฉพาะกาล กำหนดให้กำนัน เป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลโดยตำแหน่ง ในระยะเวลา 4 ปีแรกที่ใช้พระราชบัญญัตินี้ (จนถึงงันที่ 2 มีนาคม 2542)
แต่ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติสภาตำบลฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดให้คณะกรรมการ บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบด้วยประธานกรรมการบริหารคนหนึ่งและกรรมการบริหารจำนวนสองคน ซึ่งสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลือกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลแล้วเสนอให้นายอำเภอแต่งตั้ง (มาตรา 58) ให้ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเลขานุการคณะกรรมการบริหาร (มาตรา 58 วรรค 2)
การกำกับดูแลองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.มีฐานะเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ที่นับว่าเป็นการกระจายอำนาจทางการบริหาร และการตัดสินใจ ไปสู่องค์กร ระดับตำบลและประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบล เป็นไปในทางที่ถูกต้อง สอดคล้องกับกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับ ของทางราชการ จึงให้นายอำเภอเป็นผู้ดูแลการปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนตำบล และมีอำนาจเรียกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล กรรมการบริหารพนักงานส่วนตำบล และลูกจ้างขึ้นมาชี้แจงหรือสวบสวน รวมทั้งเรียกรายงาน หรือเอกสารใดๆ มาตรวจสอบได้ และให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งยุบสภาองค์การบริหารส่วนตำบล หรือให้คณะกรรมการบริหารทั้งคณะ หรือกรรมการ บริหารรายบุคคลพ้นจากตำแหน่งได้ตามคำเสนอของนายอำเภอ

โครงสร้างองค์การบริหารส่วนตำบล  ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537

อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตำบล

  1. จัดทำแผนพัฒนาตำบลและงบประมาณรายจ่ายประจำปี
  2. บริหารกิจการของ อบต. ให้เป็นไปตามมติ ข้อบังคับและแผนพัฒนาตำบล
  3. รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณต่อสภา อบต.อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  4. ปฎิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ราชการมอบหมาย

อำนาจหน้าที่ของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล

  1. ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาตำบล
  2. พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับตำบลและร่างข้อบังคับงบประมาณรายจ่ายประจำปี
  3. ควบคุมการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายและแผนพัฒนาตำบล

อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล

  1. จัดให้มีการบำรุงรักษาทางน้ำและทางบก
  2. รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดินและที่สาธารณะ
  3. ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ
  4. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  5. ส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรม
  6. ส่งเสริมและพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สงอายุ และผู้พิการ
  7. คุ้มครอง ดูแล และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  8. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมาย

          ความรับผิดชอบการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการบริหารองค์การส่วนตำบลจะรับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล โดยประธานกรรมการบริหาร จะเป็นผู้แทนขององค์การบริหารส่วนตำบลและมีพนักงานส่วนตำบลเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำขององค์การบริหารส่วนตำบลอีกด้วย

รายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบล

  1. ประเภทแรก คือ ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรียนและที่ดิน ภาษีป้าย อากรฆ่าสัตว์ ค่าภาษี ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต และค่าปรับต่างๆ และรายได้จากทรัพย์สิน สาธารณูปโภคและการพาณิชย์ขององค์การบริหารส่วนตำบลเอง
  2. ประเภทที่สอง เป็นรายได้ซึ่งหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่จัดเก็บให้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีสุรา ภาษีสรรพสามิต และค่าใบอนุญาตเล่นการพนัน เก็บให้จากภาษีรถยนต์ และค่าธรรมเนียมล้อเลื่อน และจัดสรรหรือแบ่งให้จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จากอากรรังนกอีแอ่น ค่าธรรมเนียมน้ำบาดาล อากรการประมง ค่าภาคกลางป่าไม้ ค่าภาคหลวงแร่ ค่าภาคหลวงปิโตเลียม ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดิน และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ ซึ่งรายได้จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาตินี้ ท้องถิ่นรูปอื่นจะไม่ได้รับการจัดสรรหรือแบ่งให้แต่อย่างใด
  3. ประเภทที่สาม เป็นรายได้จากเงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือการจัดสรรให้โดยหน่วยงานของรัฐ
    รายจ่ายขององค์การบริหารส่วนตำบล เงินเดือน ค่าจ้าง เงินค่าตอบแทนอื่นๆ ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ ค่าครุภัณฑ์ ค่าที่ดิน สิ่งก่อสร้าง และทรัพย์สินอื่นๆ ค่าสาธารณูปโภค เงินอุดหนุนหน่วยงานอื่น รายจ่ายอื่นตามข้อผูกพัน หรือตามที่มีกฎหมายหรือระเบียบของกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้