อาหาร และวัฒนธรรมการกิน ในสมัยกรุงศรีอยุธยาคนไทยกินอาหารเรียบง่าย รู้จักการถนอมอาหารทำปลาเค็ม เครื่องจิ้ม กะปิ นิยมกินสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บกเพราะมีแม่น้ำล้อมรอบ และเริ่มมีการติดต่อกับต่างประเทศ ในสมัยอยุธยาตอนปลายได้รับอิทธิพลของอาหารจีนมากขึ้น รวมทั้งอาหารโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เริ่มมีความแตกต่างระหว่างอาหารราชสำนักกับอาหารชาวบ้าน ราชสำนักเริ่มมีการติดต่อกับเขมร จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายเทระหว่างอาหารไทยและเขมร
“กับข้าว” ของชาวไทยนั้นมีน้ำพริกผักจิ้ม เรากินผักสด ผักต้ม ผักย่างคู่กับน้ำพริก คู่กับปลาย่าง ปลานึ่ง ปลาแห้ง ปลาเค็ม แกงก็เป็นแกงง่ายๆ ใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นและที่หาได้ตามฤดูกาล ชาวไทยในอดีตนั้นกินง่าย และกินน้อยดังที่ นิโคลัส แชร์แวส (Nicolas Gervaise) ชาวฝรั่งเศสที่ได้ติดตามคณะของหมอสอนศาสนาเข้ามายังราชอาณาจักรสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เขาได้เขียนบันทึกไว้ในหนังสือชื่อ “ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม” (Histoire naturele et politique du Royaume de Siam) ตีพิมพ์เมื่อปี 1688 (พ.ศ. 2231) ในบันทึกนั้นกล่าวว่า
“…ไม่มีชนชาติใดที่จะบริโภคอาหารอดออมเท่าคนสยาม สามัญชนดื่มแต่น้ำเท่านั้น แล้วก็กินข้าวหุง ผลไม้ ปลาแห้งบ้างเล็กน้อย แล้วยังกินไม่ค่อยอิ่มท้องเสียด้วย ชนชั้นสูงก็ไม่ได้บริโภคดีไปกว่านี้ ทั้งๆ ที่สามารถจะซื้อหามาบริโภคได้ตามปรารถนา…”
สมุนไพร และยารักษาโรค
การแพทย์แผนโบราณถือว่าพืชทุกอย่างมีสรรพคุณเป็นยาทั้งนั้น พืชที่หมอไทยแผนโบราณนำมาใช้ทำยานี้ มักจะเรียกรวมๆ ว่า "เครื่องสมุนไพร" อาจจะใช้ส่วนใดหรือทุกส่วน นับแต่ราก เปลือก แก่น ใบ ดอก ผล และยาง ทั้งที่เป็นพืชในเมืองไทยและพืชที่มาจากต่างประเทศ
ลาลูแบร์ อัครราชฑูตฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ.2271 ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวถึงสภาพของหมอไทย สมัยนั้นว่าไม่พยายามที่จะศึกษาสรรพคุณของตัวยาแต่ละชนิด นอกจากจะถือเอาตามตำรา ที่ปู่ย่าตายายสั่งสอนกันต่อๆ มาเท่านั้น และกล่าวด้วยว่า หมอในเมืองไทยขณะนั้น เหมือนหมอบ้านนอกของฝรั่งเศส คือ เป็นทั้งหมอและเป็นเภสัชกรไปด้วย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้มีการจดบันทึกตำรับยาที่ใช้ดูแลสุขภาพ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นตำราการแพทย์แผนไทยและตำรับเภสัชกรรมไทยฉบับแรกของประเทศไทย คือ “ตำราพระโอสถพระนารายณ์” หรือ “ตำราธาตุพระนารายณ์” คาดว่าเป็นตำราด้านการแพทย์ที่ดีที่สุด ในสมัยนั้นเนื่องจากเป็นตำรับยาที่ปรุงถวายพระมหากษัตริย์ เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของบรรพชนที่สะสมองค์ความรู้ มาพัฒนาและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นต่อกัน .....
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- ปรีดี พิศภูมิวิถี. (2565). สรรพตำราสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช. ลพบุรี : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
- คึกเดช กันตามระ. (2545). ท้าวทองกีบม้า. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.