สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี

ไทยเบิ้ง

   ไทยเบิ้ง ไทยเดิ้งหรือไทยโคราช เป็นกลุ่มชนอีกท้องถิ่นหนึ่ง ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก และยังตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ได้แก่

hometbpeopletb
ที่อยู่อาศัยชาวไทยเบิ้ง                                                    ชาวไทยเบิ้ง

จังหวัดลพบุรี : อำเภอพัฒนานิคม, อำเภอชัยบาดาล, อำเภอโคกสำโรง และอำเภอสระโบสถ์
จังหวัดสระบุรี : อำเภอวังม่วง
จังหวัดเพชรบูรณ์ : อำเภอศรีเทพ และอำเภอวิเชียรบุรี
จังหวัดบุรีรัมย์ : อำเภอนางรอง, อำเภอหานทราย, อำเภอหนองกี่, อำเภอเมือง และอำเภอลำปลาย มาศ
จังหวัดชัยภูมิ : อำเภอจัตุรัส และอำเภอบำเหน็จณรงค์
จังหวัดนครราชศรีมา : ทุกอำเภอ ยกเว้น อำเภอที่ชาวไทยลาวมากกว่าเช่น อำเภอหนองบัวใหญ่ อำเภอสูงเนิน

กลุ่มวัฒธรรมไทยเบิ้ง
     ไทยเดิ้งหรือไทยโคราช กลุ่มนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ แต่เป็นกลุ่มเดียวกันจึงมีคำจำกัดความไว้สำหรับคนไทยกลุ่มนี้ว่า "เป็นกลุ่มที่ใช้ภาษาไทยภาคกลางเพี้ยน เหน่อ น้ำเสียงห้วนสั่น ภาษาที่นิยมพูดจะลงท้ายประโยคด้วยคำว่า 'เบิ้ง'
     ( มีภาษาไทยลาวปะปนอยู่บ้าง)" คำพื้นฐานทั่วไปของชาวไทยเบิ้ง ตรงกับภาษาไทยภาคกลาง ชาวไทยเบิ้งมีขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒธรรมคล้ายกลุ่มชนไทยภาคกลาง แต่ยังมีลักษณะบางอย่าง ที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชน เช่น ภาษา ความเชื่อ เพลงพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ ในการประกอบอาชีพ การทอผ้ารวมทั้งการละเล่นต่างๆ

ประวัติการตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก
     การขุดค้นพบทางโบราณคดีในพื้นที่กลุ่มชัยบาดาล กลุ่มมะนาวหวาน และกลุ่มหนองบัว โดยกรมศิลปกร ตั้งแต่
พ.ศ. 2539 - 2540 รวม 18 แห่ง สรุปได้ดังนี้
     การตั้งถิ่นฐานเก่าสุดตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ในพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำลพบุรีมีอายุราว 3,000 - 3,500 ปีก่อน และยังมีการตั้งถิ่นฐานต่อเนื่อง ในยุคสมัยต่อๆ มาอีก เช่น สมัยทวารดี ยุคสมัยรับอิทธิพลเขมร ยุคสมัยอยุธยา ได้ค้นพบ ภาชนะดินเผา, ภาชนะสำริด, ขวานหินขัด, ขี้แร่ และเครื่องประดับร่างกาย (กำไลหิน) ฯลฯ

ลูกปัดดินเผา เครื่องมือเหล็ก ขวานหินขัด กำไลสัมฤทธิ์
กำไลสัมฤทธิ์ โถเคลือบสีน้ำตาล กำไลหยก กระพวนสัมฤทธิ์
โถ, หม้อ โครงกระดูก

     แหล่งโบราณคดียุคสมัยนี้ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านชัยบาดาล (ตำบลชัยบาดาล อำเภอชัยบาดาล) แหล่งโบราณคดีบ้านท่าฤทธิ์ แหล่งโบราณคดีหนองม้ามันและแถบใกล้เคียง (ตำบลมะนาวหวาน อำเภอพัฒนานิคม) แหล่งโบราณคดีบ้านหนองบัว (ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม) การค้นพบโบราณวัตถุและศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงเรื่อง การตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาวไทยเบิ้งในเขตลุ่มแม่น้ำป่าสักและบริเวณใก้ลเคียง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้

ประเพณีและความเชื่อของชาวไทยเบิ้ง

     ประเพณี หมายถึง สิ่งที่เป็นความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ทัศคติ การประพฤติปฏิบัติตลอดจนประกอบพิธีกรรมในโอกาสต่างๆ ที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมและได้รับการยอมรับจาคนส่วนใหญ่ในสังคมว่าถูกต้อง และยอมรับยึดถือปฏิบัติเป็นแบบแผนสืบต่อๆ กันมา

     ประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ในสังคมจำแนกได้ 2 ลักษณะ คือ
     1. ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตส่วนบุคคลในครอบครัว
     2. ประเพณีส่วนรวมที่กระทำเป็นกลุ่มตามเทศกาล เช่นทำบุญ การรื่นเริง สนุกสนาน ตามเทศกาลต่างๆ

     ประเพณีชาวไทยเบิ้งก็ไม่ต่างจากชาวไทยกลุ่มอื่นมากนัก และในเรื่องความเชื่อบางอย่าง ก็มีเหตุผล และบางอย่างก็ไม่มีเหตุผล ความเชื่อดังกล่าวจึงทำให้เกิดผล 2 ประการ คือ ทำให้เกิดข้อห้ามไม่ควรปฏิบัติ และข้อควรปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อปฏิบัติแล้วจะเกิดศิริมงคล เกิดผลดี มีความมั่นคงทางจิตใจและเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ


     ความเชื่อของชาวไทยเบิ้งที่ยึดถือปฏิบัติกันมา คือ
     1. ความเชื่อเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
     2. ความเชื่อเกี่ยวกับยากลางบ้าน
     3. ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง
     4. ความเชื่อเกี่ยวกับนิมิตและความฝัน
     5. ความเชื่อเกี่ยวกับไสยาศาสตร์ ของคลัง คาถาอาคม ผ้ายันต์ ตะกรุด ลูกประคำ
     6. ความเชื่อเรื่องลักษณะของคนและสัตว์
     7. ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศาสนา
     8. ความเชื่อเรื่องเคล็ด
     9. ความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ ผีกระสือ
     10. ความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์
     11. ความเชื่อด้านโหราศาสตร์ หมอดู
     12. ความเชื่อเกี่ยวกับการทำมาหากิน


     ความคิด ความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนตลอดเป็นประเพณี จึงเป็นรากฐานส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิถีชีวิตของคนในสังคม และปรากฏ ในทุกขั้นตอนของการดำรงชีวิต ซึ่งโบราณได้กำหนดขั้นตอนที่สำคัญของชีวิต มี 4 ครั้ง คือ ตอนเกิด บวช แต่งงาน และตอนตาย เมื่ออายุแต่ละคน ผ่านถึงวัยหรือมาถึงขั้นตอนของชีวิตดังกล่าวจึงนิยมจัดทำพิธีต่างๆ เพื่อให้เกิดสวัสดิมงคลแก่ตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง


ประเพณีท้องถิ่นชาวไทยเบิ้ง

     ชาวไทยเบิ้งที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มแม่น้ำป่าสักมีความเชื่อและประเพณีต่างๆ คล้ายกับชาวไทยในภาคกลาง ประเพณีท้องถิ่นตลอดทั้งปีมีดังนี้

ลำดับ
ประเพณี
เนื้อหาโดยสรุป
1
เทศน์มหาชาติ นิยมเทศน์กลางเดือน 12
2
ทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ตอนเช้าทำบุญตักบาตรในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ตอนค่ำไปเวียนเทียนที่วัด
   2.1
วันมาฆบูชา ทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
  2.2
วันวิสาขบูชา ทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
  2.3
วันอาสาฬหบูชา ทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
3
เข้าพรรษา เป็นวันพระใหญ่ทำบุญในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8มีการนำเทียนพรรษาไปถวายพระ ถ้าปีใดมีการหล่อเทียนจะมีการแห่สมโภชก่อน
4
ออกพรรษาหรือลาพรรษา 
(ตักบาตรเทโว)
ทำบุญตักบาตรเทโวในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
5
ตรุษ ทำบุญสิ้นเดือน 4 นิยมกวนข้าวเหนียวแดง ทำขนมโปง นางเล็ด นำไปถวายพระ
6
สงกรานต์ ทำวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี
7
ก่อพระเจดีย์ทราย ทำทุกปีตอนตรุษและสงกรานต์ ตอนเช้าทำบุญก่อพระเจดีย์ทราย ตอนเย็นฉลองพระทราย
8
ลอยกระทง ชาวบ้านจะทำกระทงและนำไปลอยซึ่งแต่เดิมลอยลงในแม่น้ำป่าสัก ปัจจุบันนำไปลอยตามสระในหมู่บ้าน ในวันเพ็ญ เดือน 12
9
ทอดกฐิน ทำหลังออกพรรษา ตั้งแต่ 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
10
ทอดผ้าป่า ทำเป็นประจำ นิยมทำทุกวันพระในช่วงเข้าพรรษา
11
สารท ทำบุญในวันสิ้นเดือน 10 นิยมกวนกระยาสารทไปถวายพระที่วัด
12
ทำบุญกลางบ้าน เดิมทีจะทำกลางเดือน 6 เดือน 7 หรือเดือน 8 ทำเฉพาะปีที่ฝนแล้ง ปีไหนน้ำท่าอุดมดีจะไม่ทำ ปัจจุบันทำเป็นประจำทุกปี ในกลางเดือน 6
13
แห่นางแมว ถ้าปีไหนฝนแล้งชาวบ้านจะแห่นางแมวขอฝนในเดือน 8 เดือน 9 เพื่อให้ฝนตก
14
รับท้องข้าว ทำหลังออกพรรษา นิยมทำในวันลาพรรษาตอนเช้าไปทำบุญตักบาตรที่วัด เสร็จแล้วก็จะไปทำพิธีรับท้องข้าวที่นาของตน
15
รับขวัญข้าว ทำในเดือน 12หลังเกี่ยวข้าวนวดข้าวและขนข้าวเข้ายุ้งแล้ว

ภูมิปัญญาต่างๆ

     ภูมิปัญญา หมายถึง พื้นฐานความรู้ความสามารถในการดำรงชีวิตของชาวไทยเบิ้งและกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ มีดังนี้คือ

     ด้านอาชีพ ได้อาศัยประโยชน์จากสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียงเช่น การทำไต้ การทำลาน ส่วนอื่นๆ คือ การทำไร่ ทำนา หาปลา โดยมีเครื่องมือ ประกอบอาชีพส่วนใหญ่ทำจากไม้ไผ่ เป็นเครื่องมือดำรงชีวิตบางชิ้นเช่น ตระกร้าถือ มีรูปแบบคล้ายกระบุงเล็ก มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ประจำกลุ่มของชาวไทยเบิ้ง

ตะกร้า ตะกร้า ตะแกรง
อีแอบ ลัน สุ่ม

ผ้าทอ
     กลุ่มชนชาวไทยเบิ้งที่อาศัยบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักรูปแบบการทอ จะทอลวดลายแบบง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อ นลวดลายที่ได้จะเกิดจากการใช้สีต่างกัน ระหว่างเส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืน สีนิยมใช้สีเข้มและเป็นสีที่ตัดกันมากกว่าสีกลมกลืน เพราะทำให้สิ่งทอไม่ค่อยสกปรกและเก่าเร็วจะทำให้ใช้ได้นานที่สุด

ผ้าทอเอกลักษณ์ ของชุมชนกลุ่มนี้ คือ นิยมผ้าฝ้าย ทำลวดลายผ้าเป็นลายตารางรูปสี่เหลี่ยม ปกติทอไว้ใช้เอง เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าถุง ผ้าขาวม้า ย่ามแต่เดิมการทอผ้าของชาวไทยเบิ้งได้เตรียมการทอผ้าทุกขั้นตอนตั้งแต่ปลูกฝ้าย ปั่นด้าย ย้อมสีด้าย ฯลฯ ปัจจุบันซื้อเส้นด้ายย้อมสีสำเร็จรูปมาทอบางครอบครัวทอไว้สำหรับขายเช่น ผ้าขวาม้าและย่าม เป็นต้น
การเข้าเกลียวด้าย
ผ้าขาวม้าลายตาราย ผ้าขาวม้าลายตาคู่ ย่ามใช้ด้ายพุ่งเข้าเกลียว
ใช้เส้นด้ายสีทอง
ย่ามทอด้วยด้ายเข้า
เกลียวสีเข้ม

การแต่งกาย

     ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยเบิ้ง เริ่มตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ชายและหญิง การแต่งกายคล้ายคนไทยแถบภาคกลางและแถบนครราชสีมา ทั้งลักษณะของแบบเสื้อ ผ้านุ่ง ทรงผม และการแต่งหน้า เสื้อที่ใช้ในแต่ละวันคล้ายๆ กันเช่น

clothingtbclothingtb1

ผู้หญิง
 ใช้เสื้อกระโจม เสื้ออีแปะ ต่อมาเป็นเสื้อปกฮาวาย ปกเชิ้ต และปกตามสมัยนิยม ผ้านุ่ง คือ ผ้าโจงกระเบน และนุ่งผ้าถุง (ส่วนใหญ่สตรีสูงอายุนุ่ง)

ผู้ชาย ใช้เสื้อ คอกลม เสื้อกุยเฮง คอกระบอก ต่อมาเป็นปกฮาวาย ปกเชิ้ต นุ่งผ้าโจงกระเบน กางเกงขาก๊วย กางเกงแพร กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว และผ้านุ่งตาหมากรุก การแต่งกายของชาวไทยเบิ้งยังคงรักษารูปแบบการแต่งกายไว้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน


อาหาร
     ชาวไทยเบิ้งใช้วัตถุดิบจากธรรมชาตินำมาผลิต และใช้ปรุงอาหาร การปรุงอาหารเป็นวิธีการปรุงอาหารแบบง่ายๆ และกินง่าย นิยมกินอาหารที่สดใหม่ อาหารสุกแล้ว อาหารประเภทเนื้อปลา ผักพื้นเมือง ข้าวเจ้า ไม่นิยมกินอาหารใส่กะทิหรือทอด
การเก็บรักษาอาหารไว้หลายๆ วัน โดยมีวิธีการถนอมอาหารแบบธรรมชาติเช่น ตากแห้ง การทำเค็ม หรือการดองเปรี้ยว ไม่มีการใช้สารปรุงแต่งอาหารประเภทสารสังเคราะห์ เช่น สารกันบูด สารกันรา ผงชูรส อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยเบิ้งคือ แกงหัวลาน แกงไก่สามสิบ และแกงบุก เป็นอาหารที่หากินได้ง่ายในท้องถิ่น


ยานพาหนะ
     แบบจารีตนิยมของกลุ่มชนชาวไทยเบิ้ง (แถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก) ที่ใช้อยู่มี 2 ชนิด คือ

เรื่อ เรือกระแชง


     1. ยานพาหนะทางน้ำที่ใช้ในแม่น้ำป่าสักอันเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญรวมทั้งเป็นแหล่งดำรงชีพได้แก่ เรือประเภทต่างๆ เช่น เรือหมู เรือพายม้า เรือมาด เรือต่อ เรือสำปั้น เรือแปะ ฯลฯ เรือเป็นที่เอกลักษณ์อย่างแท้จริงแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก เหลือเพียงบันทึกและคำบอกเล่า เช่น เรือหางแมงป่อง และเรือกระแชง เป็นเรือที่ใช้ประโยชน์การลำเลียงผลผลิตต่างๆ จากต้นน้ำป่าสักล่องลงมาแถบเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน

cartb
เกวียน

     2. ยานพาหนะทางบกที่ใช้เดินทางติดต่อไประหว่างชุมชนรวมทั้งใช้ในการประกอบอาชีพได้แก่ เกวียน และเลื่อน เป็นที่นิยมในอดีต ชาวไทยเบิ้งนิยมใช้เกวียนสำหรับบรรทุกผลผลิตต่างๆ จากไร่นาหรือจากป่ากลับมายังหมู่บ้านโดยใช้วัวเทียม

สังคม
     ชาวไทยเบิ้งเป็นสังคมสงบสุขมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีต่อกันเป็นครอบครัวขยาย ส่วนมากจะมีผู้สูงอยู่ในบ้านด้วยภายในครอบครัวประกอบด้วยสมาชิก พ่อ แม่ ญาติฝ่ายแม่หรือญาติฝ่ายพ่อ ลูกและหลาน เป็นครอบครัวใหญ่เหมือนครอบครัวทั่วๆ ไป
     ครอบครัวเป็นลักษณะแบบอัตตาธิปไตย คือ ผู้ใหญ่(ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่)ในครอบครัวเป็นผู้อาวุโส มีอำนาจเหนือทุกคนในบ้านสมาชิกในครอบครัวมีความเกรงใจ เชื่อฟังและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
     การดูแลรักษาสุขภาพชาวไทยเบิ้ง เป็นชุมชนที่รู้จักดูแลรักษาอนามัยของชุมชนเป็นอย่างดี สมาชิกในชุมชนมีสุขภาพดี รู้จักรักษาที่อยู่อาศัยให้สะอาด นิยมบริโภคเนื้อปลา ผักพื้นบ้าน รับประทานอาหารสุกทั้งหมด หากมีโรคภัยไข้เจ็บจะใช้สมุนไพรรักษา ภายในชุมชนไทยเบิ้งมีหมอหลายประเภทการรักษาโรคเช่น หมอยาสมุนไพร หมอตำแย หมอรักษาโรคทางให้กำลังใจเช่น หมอน้ำมนต์ จึงทำให้สังคมชาวไทยเบิ้งสงบสุข คนชุมชนมีสุขภาพดี


สถาปัตยกรรมในลุ่มแม่น้ำป่าสักของชาวไทยเบิ้ง มีเอกลักษณ์เฉพาะเช่น

โบสถ์เก่าวัดสระโบสถ์ หอสวดมนต์วัดจันทาราม
วิหารที่วัดจันทาราม ร้านตักบาตร วัดสิงหาราม

     1. สถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าแบบอาคารพบได้ในวัด ได้แก่ โบสถ์ หอไตร ร้านตักบาตร หอสวดมนต์ อาคารผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง เช่น โบสถ์วัดจันทาราม และสถาปัตยกรรมแบบไทย เช่น หอไตรวัดภัณฑาพฤกษ์ หอสวดมนต์วัดจันทาราม เป็นต้น

     2. สถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวไทยเบิ้งแบบทรงไทยท้องถิ่นที่คล้ายกับเรือนไทยแบบโคราช แบบไทยลาวและแบบไทยอื่นๆ

เรือนไทยทรงอิทธิพลล้านนา บ้าน
บานประตูหรือฝาไม้ไผ่ซีก ฝาฟากแบบขัดแตะ ฝาค้อ


     ลักษณะที่น่าสนใจของบ้านในท้องถิ่นนี้คือ การทำฝาเรือน ที่ใช้วัสดุคือ ฝาฟาก ฝาค้อ เพราะต้นค้อที่นำมากรุแผงทำฝานั้น เป็นพืชพื้นถิ่นแถบล่มแม่น้ำป่าสัก ปัจจุบันนิยมสร้างบ้านเรือนไม้ใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา ทรงมนิลา

วัฒธรรมกลุ่มชนชาวไทยเบิ้ง

ภาษา ชาวไทยเบิ้งมีภาษาพูดคล้ายกับภาษาไทยภาคกลาง แต่มีเสียงวรรณยุกต์ต่างไปและนิยมลงท้ายประโยคด้วยคำว่า "เบิ้ง เดิ้ง เหว่ย ด๊อก" มีผู้เรียกภาษานี้ว่า ภาษาไทยเดิ้ง หรือภาษาไทยโคราช ด้านวรรณกรรมเก่าแก่ที่พบมีรูปแบบตัวอักษรที่เขียนคือ "อักษรไทยและอักษรขอม" เป็นส่วนใหญ่ วัสดุที่ใช้เขียนเป็นสมุดไทยดำ สมุดไทยขาว(สมุดข่อย) และเขียนบนใบลาน เนื้อเกี่ยวกับนิทาน นิยาย คำสอนและคติธรรม ตำรายา ตำราหมอดู และกฎหมาย เป็นต้น

มุดไทยขาว(สมุดข่อย) สมุดไทยดำ
คัมภีร์

ศิลปกรรม
     ชาวไทยเบิ้ง ลักษณะคล้ายแบบศิลปกรรมของภาคกลาง แต่มีลักษณะพื้นถิ่นมาปะบนอยู่ด้วยมาก เช่น พระพุทธรูป ธรรมาสน์ จิตรกรรม ศิลปกรรมบางชิ้นมีอายุเก่าแก่ถึงราวพุทธศตวรรษที่ 11 คือ พระพุทธรูปเคารพ (รูป) และที่สามารถกำหนดอายุศิลปกรรมได้อย่างแน่ชัดคือ ศิลปกรรมแบบไทยสมัยอยุธยา มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 คือ พระพุทธรูปต่างๆ

พระศรีอาริย์
พระพุทธรูป

พระพุทธรูปนาคปรก
ศิลปะแบบเขมร

พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ไม้แกะสลัก


เครื่องดนตรีพื้นบ้านชาวไทยเบิ้งเขตลุ่มแม่น้ำป่าสักพบน้อยชิ้นที่สำคัญการละเล่นและการประดิษฐ์จะไม่มีความซับซ้อน เช่น เพี้ย

เพี้ยเหล็ก
เพี้ยไม้ไผ่
การเป่าเพี้ย


(บางครั้งเรียกจิ้งน่อง) ปี โทน และกลองยาว อาจจะได้รับอิทธิพลจากชุมชนไทยลาว

          ส่วนเพลงพื้นบ้านมีทั้งประเภทให้อารมณ์สนุกสนาน ครึกครื้น โดยใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เช่น เพลงรำโทน แต่เพลงพื้นบ้านบางชนิด ให้อารมณ์แก่ผู้ฟังจากปฎิภานของผู้ขับร้อง ที่คิดเนื้อเพลงขึ้นสดๆ ใช้โต้ตอบหรือเกี้ยวพาราสี เช่น เพลงหอมดอกมะไพ เพลงพวงมาลัย เพลงระบำบ้านไร่ เพลงโนเน เพลงพิษฐาน เพลงช้าเจ้าหงส์ และเพลงโคราช เป็นต้น เพลงโคราชได้รับความนิยมสูงสุดมีผู้เล่นได้บ้างจนถึงปัจจุบัน

 

การละเล่นทั่วไปและกีฬาพื้นบ้าน จะเล่นในช่วงว่างเพื่อความสนุกสนานได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การละเล่นไทยเบิ้งคล้ายกับการละเล่นในภาคอื่นๆ และชาวไทยโคราช เช่น
     - การละเล่นของเด็ก ได้แก่ มอญซ้อนผ้า งูกินหาง ขี่ม้าก้านกล้วย โพงพาง วิ่งเปี้ยว เป็นต้น
     - การละเล่นผู้ใหญ่ ได้แก่ ลูกช่วง สะบ้า ต่อไก่ งูข้ามเส้า เบี้ยริบ เป็นต้น
     เป็นการละเล่นเพื่อความเพลิดเพลินและเล่นในเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษสงกรานต์หรือประเพณีกลาง บ้าน เพื่อความสนุกสนานและยังสร้างความสามัคคีในชุมชน