คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านวัฒนธรรม : นายวิเชียร คำเจริญ (ลพ บุรีรัตน์ )
ลพ บุรีรัตน์ มีชื่อจริงว่า วิเชียร คำเจริญ เกิดที่บ้านบางมะยม ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จังหวัดลพบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสิงหฤกษ์ประสิทธิ์ และเรียนสายวิชาชีพแผนกช่างตัดผม โรงเรียนการช่าง จ.ลพบุรี ชอบฟังเพลงและร้องเพลงมาตั้งแต่เยาว์วัย เริ่มอาชีพครั้งแรกเป็นช่างตัดผม มีความปรารถนาที่จะเป็นนักร้องและนักแต่งเพลง ต่อมาได้มีโอกาสชมการแสดงดนตรีคณะกรุงเทพฯ แมมโบ จึงได้สมัครเป็นนักร้องกับ นายบังเละ วงษ์อาบู และได้ทดลองแต่งเพลง 'เพลงกอดหมอนนอนเพ้อ' เป็นเพลงแรก
สมัครเป็นลูกศิษย์ครูไพบูลย์ บุตรขัน แล้วเริ่มฝึกฝนการแต่งเพลงและการร้องเพลง และเป็นลูกศิษย์ครูมงคล อมาตยกุล อยู่กับวงดนตรีจุฬารัตน์ ทำหน้าที่แต่งเพลงและร้องเพลง ฯลฯ อยู่ในวงดนตรีนี้ใช้ชื่อว่า 'กนก เกตุกานต์' ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่ชื่อ 'ลพ บุรีรัตน์' ให้ครูไพบูลย์ บุตรขัน เป็นคนตั้งชื่อให้ เพลงที่้สร้างชื่อเสียงให้ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเฉพาะเพลง 'โนราห์หาย' ต่อมาครูมงคลประกาศยุบวงดนตรีจุฬารัตน์ จึงได้ตั้งวงดนตรีชื่อ
'วงลพ บุรีรัตน์' ขึ้นมาแทน
ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการลูกทุ่ง เมื่อประพันธ์เพลงให้ราชินีลูกทุ่ง 'พุ่มพวง ดวงจันทร์' เป็นผู้ขับร้อง และผลงานเพลงของนายวิเชียร คำเจริญ มีมากกว่า 2,000 เพลง ด้วยความสามารถในด้านการประพันธ์เพลงที่มีเนื้อหาสาระทั้งประเภทเพลงลูกทุ่งแนวสนุกสนาน แนวรัก แนวสร้างสรรค์ แนวเพลงเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จึงได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย
พ.ศ. 2508 ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมคือ 'เพลงบ้านใกล้เรือนเคียง' ขับร้องโดย ชาย เมืองสิงห์
พ.ศ. 2509 ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมคือ 'เพลงคุณหมอคะ' ขับร้องโดย เรณู เบญจวรรณ
พ.ศ. 2515-2516 แต่งเพลง 4 เพลงคือ เพลงโนราห์หาย, อย่างพูดดีดว่า, แหม่มกะปิ และฮักพี่จั๊กหน่อย ส่วนเพลง 'โนราห์หาย' ได้สร้างชื่อเสียงให้ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
พ.ศ. 2520 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'ข้าคือคนไทย' ขับร้องโดย ก้องเพชร แก่นนคร
พ.ศ. 2522 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเพลง 'รางวัลนักรบ' ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ
พ.ศ. 2525 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'ทำดีสักทีเถอะน่า' พร้อมกับได้รับโล่เชิดชูเกียรติในฐานะนักประพันธ์เพลงตัวอย่าง
พ.ศ. 2532 ได้รับพระราชทานรางวัลเพลงดีเด่นในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 ได้ 2 รางวัล จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'สาวนาสั่งแฟน' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ และเพลง 'เข้าเวรรอ' ขับร้องโดย ศรเพชร ศรสุพรรณ
พ.ศ. 2533 แต่งเพลง 'น้ำพระทัยสมเด็จย่า' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ ถวายเนื่องในวันครบรอบ 90 พรรษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พ.ศ. 2534 ได้รับพระราชทานรางวัลเพลงดีเด่นในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'สยามเมืองยิ้ม' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์
พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชนิพนธ์คำร้องเพลง 'พลบค่ำ' แล้วมอบให้ครูลพ บุรีรัตน์ ประพันธ์ทำนองเพลง
พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงดีเด่นถึง 3 เพลง ในงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรมไทย คือเพลง 'ทรงมหาเสน่ห์' ขับร้องโดย ลัดดาวัลย์ ประวัติวงศ์, เพลง 'แบ่งกันคนละครึ่ง' ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ และเพลง 'หลงมนต์คนเอฟเอ็ม' ขับร้องโดย ศิรินทรา นิยากร
พ.ศ. 2539 ได้รับยกย่องจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงรณรงค์วัฒนธรรมไทย ด้วยผลงานเพลง 3 เพลง คือ เอกลักษณ์ไทย, ย่องเมืองเท่ เท่ และพระเทพฯ ทรงบุญ
พ.ศ. 2548 ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง)