สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
อำเภอพระพุทธบาท : วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร และรอยพระพุทธบาท
วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร และรอยพระพุทธบาท อยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัวเมืองสระบุรีขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 28 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายก่อนถึงที่ว่าการอำเภอ เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว และลึก 11 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ในมณฑปบนไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจะพันธคีรี
รอยพระพุทธบาทนี้ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยาซึ่งพระองค์ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงบันทึกตำนานการพบรอยพระพุทธบาทไว้ในหนังสือ "บุณโณวาทคำฉันท์" ว่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ราว พ.ศ. 2163-2171 ได้ทรงแต่งสมณทูตเดินทางไปประเทศลังกาเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกูฏ พระสงฆ์ลังกาทราบเข้าก็ถามว่ารอยพระพุทธบาทในแผ่นดินนี้ปรากฏอยู่ถึง 5 รอย ณ เขาสุวรรณบรรพตก็มีอยู่ 1 ทำไมไม่ไปบูชาที่นั่น สมณทูตไทยจึงเดินทางกลับมากราบทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เมื่อทราบดังนั้นแล้ว พระเจ้าทรงธรรมได้โปรดเกล้าฯ ให้หัวเมืองต่างๆ ทำการค้นหารอยพระพุทธบาทไปทั่ว เมื่อพบแล้วให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ความดังกล่าวได้ล่วงรู้ไปถึงเจ้าเมืองสระบุรีเวลานั้น ซึ่งเจ้าเมืองเองเคยได้ข่าวว่ามีพรานล่าเนื้อชื่อ บุญ เคยไปพบรอยพระพุทธบาทที่บริเวณเชิงเขาสุวรรณบรรพต จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เมื่อพระองค์ทรงทราบได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดให้สร้างพระมณฑปครอบไว้ ส่วนบริเวณโดยรอบให้สร้างศาสนสถานเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ ทำนุบำรุงรอยพระพุทธบาท ต่อมาได้มีการก่อสร้างต่อเติมกันอีกหลายสมัย
มณฑปครอบพระพุทธบาท
ลักษณะของพระมณฑปเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบด้วยเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุ่งกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสองปิดทองประดับกระจกโดยรอบ ฝาผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนมและมีพุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูพระมณฑป เป็นงานศิลปกรรมชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสาย หมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงมาจากสวรรค์ หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริดเป็นนาค 5 เศียร นอกจากนั้นบริเวณทางขึ้น มีพระตำหนักที่ประทับ บริเวณรอบมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มามนัสการได้ตี เป็นการแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย พระอุโบสถและพระวิหารต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ล้วนสร้างขึ้นตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับพรานบุญที่พบรอยพระพุทธบาทนั้นมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า วันหนึ่งพรานบุญซึ่งออกล่าสัตว์ใกล้บริเวณเขาสุวรรณบรรพตเพื่อนำมาเป็นอาหาร ระหว่างนั้นได้ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งบาดเจ็บวิ่งหนีเข้าไปใกล้เชิงเขาข้างหน้าซึ่งมีป่าไม้เล็กๆ ขึ้นปกคลุมจึงได้ตามเข้าไป เนื้อตัวนั้นได้วิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ข้างหน้า ชั่วพริบตาก็วิ่งกลับออกมาโดยไม่มีอาการบาดเจ็บ สร้างความประหลาดใจยิ่ง จึงได้ตามเข้าไปดู พบแอ่งน้ำลักษณะคล้ายรอยเท้าคนขนาดใหญ่ ยาวประมาณศอกเศษพรานบุญซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากการล่าเนื้อจึงเอามือวักน้ำในบ่อนั้นขึ้นมาลูบตามตัว ปรากฏว่ากลากเกลื้อนที่เคยเป็นได้หายเป็นปลิดทิ้ง เข้าใจว่าแอ่งน้ำนี้ต้องเป็นแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงได้นำเรื่องไปเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วก็มีการเล่าต่อๆ กันไปจนขยายเป็นวงกว้างจนรู้ไปถึงหูเจ้าเมืองในที่สุด
ปัจจุบันทางวัดได้จัดให้มีงานนมัสการพระพุทธบาทขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี ปีละ 2 ครั้ง ระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือน 4
อำเภอเมือง : ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์แห่งนี้ดำเนินการโดยเอกชน ตั้งอยู่ติดกับบริเวณวัดพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล หรือห่างจากพระพุทธฉายไปทางทิศเหนือประมาณ 300 เมตร ภายในฟาร์มเป็นที่เพาะพันธุ์จระเข้น้ำจืดที่สำคัญของจังหวัด นอกจากนี้ยังจัดแบ่งพื้นที่เป็นสวนสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้เข้าไปศึกษาและเที่ยวชม อาทิ เสือ กวาง กระทิง วัวแดง หมี หมูป่า งู ปลาบึก และนกนานาพันธุ์ ฯลฯ
อำเภอเมือง : อนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ของกองทัพญี่ปุ่น (เขาแดง)
อนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ของกองทัพญี่ปุ่น (เขาแดง) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานเขาสาม หลั่น มีอาณาเขตติดต่อกับวัดพระพุทธฉายด้านทิศใต้ มีสิ่งปลูกสร้างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่นสร้างไว้ เช่น อุโมงค์บัญชาการทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีสนามเพลาะ ตลอดแนวเขา ได้มีโครงการจะปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงยุทโธปกรณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือนจำกักขังเชลยศึก
อำเภอเมือง : ถ้ำเขาทุเรียน
ถ้ำเขาทุเรียน อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามลั่น หมู่ที่ 1 บ้านพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล เคยเป็นที่หลบภัยและเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารญี่ปุ่น
อำเภอเมือง : อุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น
อุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ อำเภอแก่งคอย อำเภอหนองคาย อำเภอวิหารแดง และอำเภอเมืองสระบุรี อยู่ไม่ไกลจากเขาปถวี ห่างจากตัวเมืองสระบุรีประมาณ 16 กม. ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2524 มีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 27,856 ไร่ บริเวณอุทยานเต็มไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่และหุบเขาสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาครกสูงประมาณ 329 เมตร บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยป่าธรรมชาติ มีสัตว์ป่า อาทิ ไก่ฟ้า ไก่ป่า หมูป่า นกนานาชนิดอาศัยอยู่มากมาย นกที่สำคัญได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิริธรนอกจากนี้ยังมีน้ำตก ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกเขาสามหลั่น น้ำตกโพธิ์หินดาด น้ำตกโตนรากไทร นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชม และใช้เป็นที่พักผ่อนอย่างอิ่มใจ สำหรับผู้ที่ต้องการพักค้างคือ ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมสถานที่และบ้านพักไว้มากมาย
ติดต่อ สำรองที่พักได้ที่กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 02-579-0529, 02-579-4842
2023 © Thepsatri Rajabhat University