Details

Category: ใครเป็นใคร

บัณฑิตกิตติมศักดิ์ : นายสมเศียร พานทอง (ชาย เมืองสิงห์)

นายสมเศียร พานทอง (ชาย เมืองสิงห์)

ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง,นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) ประจำปี 2540

เกิด 24 ตุลาคม 2482
สถานที่เกิด บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ตำบลบางมัญ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
บิดา นายสี พานทอง
มารดา นางป่วน พานทอง
ภรรยา สมรส 2 ครั้ง กับ นางปราณี ธีรเวช (ดวงใจ เมืองสิงห์)และนางสมจิตร มุกดา
บุตร-ธิดา 6 คน
     นายนฤพนธ์ พานทอง
     นางสาวกชกร พานทอง
     นางเบญจมาศ เบญจะ
     นายพุทธพงษ์ พานทอง
     นายบุญฤทธิ์ พานทอง
     เด็กหญิงกนกวรรณ พานทอง

ประวัติการศึกษา
     1. จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดหัวว่าว ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
     2. จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนศิริศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสิงหะวัฒนพาหะ ที่วัดพรหมสาคร ตำบลบางพุทรา อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปลายปี พ.ศ. 2499
     3. สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนเพาะช่าง(กรุงเทพฯ) ชาย เมืองสิงห์ เรียนที่โรงเรียนเพาะช่างได้ถึง 4 ปี แต่ไม่ทันจบการศึกษาก็ต้องลาออกในปี 2503 สาเหตุเพราะไม่มีทุนในการศึกษา

ประวัติการทำงาน (เริ่มเข้าวงการ)
4 กันยายน 2504 ชาย เมืองสิงห์ มีโอกาสพบกับ ครูมงคล อมาตยกุล หัวหน้าวงจุฬารัตน์เป็นวงดนตรีลูกทุ่งที่มีมาตราฐานในยุคนั้น
10 กันยายน 2504 ชาย เมืองสิงห์ ได้มีโอกาสร้องเพลงแหล่โต้กับ พร ภิรมย์ นักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงของประเทศออกอกาศสดๆ ที่สถานีวิทยุ หลังจากนั้น ครูมงคล อมาตยกุล หัวหน้าวงจุฬารัตน์ออกประกาศด้วยตัวเองที่สถานีวิทยุ ปชส.7 เชิงสะพานฝั่งธนบุรี ว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
วงดนตรีคณะจุฬารัตน์ ขอต้อนรับนักร้องลููกทุ่งคนใหม่เข้าประจำวง โดยตั้งชื่อให้ว่า "ชาย เมืองสิงห์"
     นอกจากความสามารถในด้านการร้องเพลง และลีลาการแสดงแล้ว ชาย เมืองสิงห์ ยังเป็นผู้ที่มีความสามารถในด้านการแต่งเพลงทั้งเนื้อร้อง และทำนองเป็นอย่างยิ่ง โดยได้แต่งเพลงเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000 เพลง ในจำนวนนี้มีทั้งที่แต่งเองร้องเอง รวมทั้งแต่งให้นักร้องคนอื่นร้องจนมีชื่อเสียงไปหลายคน เพลงที่ชาย เมืองสิงห์ แต่งนับเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการเพลงลูกทุ่งขณะนั้น ทำให้ติดอันดับยอดนิยมมากมายหลายเพลง ได้แก่ เพลงชมสวน, พ่อลูกอ่อน, เสน่ห์นางไพร, ลูกสาวใครหนอ, มาลัยดอกรัก, แก่นแก้ว, หยิกแกมหยอก, พระรถเมรี, มนต์เมืองสิงห์, สิบห้าหยกๆ, เรือล่มในหนอง, แม่ขนตางอน, จุ๋มจิ๋ม, เมียพี่มีชู้, กอดแก้กลุ้ม, มันยกร่อง และจ่ำม่ำ ฯลฯ
พ.ศ. 2510 ชาย เมืองสิงห์ ได้ลาออกจากวงจุฬารัตน์ ซึ่งอยู่ร่วมงานในฐานะนักร้องนำ วงดนตรีจุฬารัตน์มานานเป็นเวลากว่า 5 ปี
9 สิงหาคม 2511 ได้จัดตั้งวงดนตรีเล็กๆ ขึ้นคล้ายแตรวงผสมเครื่องไทยโดยตั้งชื่อว่า "วงหลังเขาประยุกต์"
พ.ศ. 2512-พ.ศ. 2513 ได้ขยายวงขึ้นเป็นวงดนตรีขนาดมาตรฐาน และเปลี่ยนชื่อวงเป็น "วงจุฬาทิพย์" เพื่อรำลึกถึงวงจุฬารัตน์ที่เคยได้สร้างชาย เมืองสิงห์ มาจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ในช่วงนั้นก็ได้ปกครองดูแลลูกน้องหลายคนจนมีชื่อเสียงโด่งดัง อาทิ หนุ่ม เมืองไพร, ระพิน ภูไท, ดาวไทย ยืนยง, ดี๋ ดอกมะดัน, ดู๋ ดอกกระโดน, ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม, เพชร โพธิ์ทอง, ถนอม จันทร์เกตุ และ โชคดี พักภู่ ฯลฯ วงดนตรีอยู่มาได้ยาวนานประมาณ 10 ปี แต่ในที่สุดก็เลิกวงไป
พ.ศ. 2513-พ.ศ. 2516 ได้มีปัญาหาครอบครัวและมรสุมชีวิต หลังจากนั้นชาย เมืองสิงห์ หายจากวงการเพลงไปนานได้ไปใช้ชีวิตแบบเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมที่บ้านเกิดนานถึง 10 ปี จนได้รางวัลเกษตรกรดีเด่นของจังหวัด
16 กันยายน 2532 มีการจัดงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 ชาย เมืองสิงห์ ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีถึง 4 รางวัล ชาย เมืองสิงห์จึงกลับเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งไทยอีกครั้ง โดยมีการรวบรวมทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่มาบันทึกออกเผยแพร่สู่ตลาดเพลงอีกครั้ง
ชาย เมืองสิงห์ ได้มีฉายาคือ "อเลน เดอลอง เมืองไทย" ต่อมาคณะตลกเมืองไทยก็ตั้งฉายาให้คือ "แมน ซิตี้ไลอ้อน" ตามชื่อที่ถอดความมาจากภาษาอังกฤษ

ด้านสาธารณประโยชน์
พ.ศ. 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติในสมัยรัฐบาล นายสัญญา ธรรมศักดิ์

ผลงานดีเด่น
     ชาย เมืองสิงห์ เป็นศิลปินเพลงที่มีความสามารถรอบด้านทั้งการขับร้อง และประพันธ์เพลงจึงได้รับรางวัลสำคัญระดับชาติมากมาย ได้แก่
16 กันยายน 2532 รับโล่รางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 1 จากการแต่งเอง ร้องเอง จากเพลงพ่อลูกอ่อน และ ทำบุญร่วมชาติ รวม 4 รางวัล
7 กรกฎาคม 2534 รับโล่รางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 2 จากการแต่งเอง ร้องเอง จากเพลงลูกสาวใครหนอ ซึ่งแต่งเอง ร้องเองเช่นกัน รวม 2 รางวัล
9 สิงหาคม 2534 รับโล่รางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จัดโดย สถาบันวิจัยภาษาและพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับราชบัณฑิตยสถาน
23 กุมภาพันธ์ 2535 รับโล่รางวัลและเกียรติบัตรพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับการยกย่องให้เป็นศิลปินดีเด่น หรือผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม (สาขาศิลปะและการช่างฝีมือ) ประจำภาคกลางตอนบน
7 มีนาคม 2537 รับรางวัลเกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งสืบสานคุณค่าวัฒนธรรมไทย ภาคพิเศษ จากเพลงทุกข์ร้อยแปด