คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านการศึกษา : นายชงค์ วงขันธ์
นายชงค์ วงษ์ขันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2468 ที่ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมืองลพบุรีจังหวัดลพบุรี เป็นบุตรคนสุดท้องของนายสุข นางจันทร์ วงษ์ขันธ์ ในจำนวนพี่น้อง 6 คน จบการศึกษา ทางด้านกฎหมาย นิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจบปริญญาโท Master of Arts ( M.A.) จากมหาวิทยาลัยนอร์ท โคโลราโด สหรัฐอเมริกา และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก มหาวิทยาลัยเคนชิตัน สหรัฐอเมริกา
การรับราชการ ได้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
พ.ศ. 2487 ครูจัตวา โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองลพบุรีจังหวัดลพบุรี
พ.ศ. 2496-2500 ครูใหญ่ตรี โรงเรียนบ้านหมี่ ปานขาว ( โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา ) อำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี
พ.ศ. 2500-2519 ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองลพบุรีจังหวัดลพบุรี
พ.ศ. 2519 ผู้อำนวยการกองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา
พ.ศ. 2520-2522 รองอธิบดีกรมสามัญศึกษารองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. 2523 เลขาธิการคณะกรรมการวัฒธรรมแห่งชาติ
พ.ศ. 2525-2528 รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. 2527-2528 รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2
1 ตุลาคม 2528 เกษียณอายุราชการ
ปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงเรียนวินิตศึกษาในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามราชกุมารีเป็นผู้ริเริ่มจัดงานฤดูหนาวลพบุรี ก่อตั้งสโมสรโรตารี่ลพบุรี ก่อตั้งชมรมอนุรักษ์โบราณสถานและ สิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี ก่อตั้งชมรมรักษ์ลพบุรีและอื่นๆ ได้รับคัดเลือกเป็นคนดีลพบุรี ปี พ.ศ. 2522 ได้รับคัดเลือกจากรัฐสภาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร. ) ของจังหวัดลพบุรี เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามราชกุมารีและประกาศเกียรติคุณบัตรในฐานะบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับกระทรวงศึกษาธิการ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงนับได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญบุคคลหนึ่งที่ชาวลพบุรีภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านการพัฒนาสังคม : พระสุเมธาธิบดี
พระสุเมธาธิบดี ( ทตตสุทธิเถระ ) มีนามเดิมว่า บุญเลิศ คล่องสั่งสอน เกิดวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2461 ณ ตำบ้านกล้วย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เป็นบุตรของนายแสง นางขำ คล่องสั่งสอน บรรพชาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2471 ณ วัดบ้านกล้วย อุปสมบทเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2481 ณพัทธสีมาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมีสมเด็จพระวันรัต ( เฮง เขมาจารีมหาเถร ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. 2489 สอบได้ ป.ธ. 8 และ พ.ศ. 2514 รัฐบาลอินเดียได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์( Dr. D. LITT )
สมณศักดิ์
พ.ศ. 2492 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุธรรมมุณี
พ.ศ. 2497 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชศรีสุธรรมมุณี
พ.ศ. 2502 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิโมลี
พ.ศ. 2516 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมมหาวีรานุวัตร
พ.ศ. 2532 เลื่อนเป็นพระราชาคณะรองสมเด็จ ชั้นหิรัญยบัฎที่ พระสุเมธาธิบดี
เกียรติคุณ
พ.ศ. 2528 ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรในฐานะผู้นำทำคุณประโยชน์ทางพระพุทธศาสนาสายต่างประเทศ
พ.ศ. 2532 ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์สังข์เงิน ของสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2534 ได้รับรางวัลเกียรติยศ บริการทอง ในฐานะผู้นำตัวอย่างของพระพุทธศาสนา
พ.ศ. 2536 รัฐบาลพม่าได้ถวายให้เป็นอัครมหาบัณฑิต
งานด้านการปกครอง
พ.ศ. 2500 รักษาการในตำแหน่งเจ้าคณะตรวจการณ์ ภาค 3 จนถึง พ.ศ. 2510
พ.ศ. 2506 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา จนถึง พ.ศ. 2531
พ.ศ. 2531 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2533 เป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
งานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่อจังหวัดลพบุรี
สร้างพระอุโบสถวัดกัทลีพนาราม ( วัดบ้านกล้วย ) ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
ศูนย์ศิลปชีพประชาสุขสันต์ ตำบลบ้านกล้วย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
หอสมุดพระสุเมธาธิบดี โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ศูนย์ศิลปาชีพประชาสุขสันต์
คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านการเมืองการปกครอง : นายเชาววัศน์ สุดลาภา
นายเชาววัศน์ สุดลลาภา เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ที่อำเภออุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยาจบการศึกษารัฐศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหลักสูตรวิทยาลัย ป้องกัน อาณาจักรรุ่นที่ 28
รับราชการตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ตำแหน่งเสมียนกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยจนกระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา จังหวัดลพบุรี จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัด เพชรบุรี และกรุงเทพฯ แล้วลาออกจากราชการ มาสมัครรับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี เขต 2 ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 4 สมัย
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ปี พ.ศ. 2520 ได้พัฒนาสร้างสรรค์ จังหวัดลพบุรี หลายประการ ผลงานที่ยอมรับและสืบสานกันต่อมา คือ การจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช และก่อ ตั้งวิทยาลัยชาวบ้านลพบุรี
คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านวัฒนธรรม : นายน้ำว้า ร่มโพธิ์์
นายน้ำว้า ร่มโพธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2475 หมู่ 10 ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นบุตรคนที่ 4 ของนายผูก นางหอม ร่มโพธิ์ทอง ในจำนวนพี่น้อง 8 คน ย้ายมาอยู่จังหวัดลพบุรี ในปี พ.ศ. 2526 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดสาธุการาม จังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจากครอบครัวยากจนจึงไม่มีโอกาสศึกษาต่อ แต่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ พยายามศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง โดยฝึกหัดคัดลายมือและฝึกเขียนภาษาอังกฤษจนได้รับคำชมว่าเขียนหนังสือได้สวยงาม
เมื่ออายุประมาณ 13 ปี ได้เป็นศิษย์ครูเติ้ม ทองโต ครูปี่พาทย์ได้เรียนเครืองมือฆ้องวงใหญ่ ต่อมาได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ครูหลวงประดิษฐ์ ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ด้วยความอดทนมุ่งมั่นที่จะเรียนเพลงประกอบกับความจำเป็นเลิศ เมื่อได้เป็นศิษย์ของครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ต่อมาหลังจากครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะถึงแก่ อนิจกรรม ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ครูสมภพ ขำประเสริฐ, ครูสอน วงฆ้อง, ครูบาง หลวงสุนทร, และครูจำรัส จึงทำให้เป็นผู้มีฝีมือบรรเลงฆ้องวงใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆ ได้ด้วยทั้งยังมีความตั้งใจจริงที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ดนตรีไทยสืบไป สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และจังหวัดลพบุรี ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ นายน้ำว้า ร่มโพธิ์ทอง เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมสาขาศิลปะการแสดง(ดนตรีไทย) ประจำปี พ.ศ. 2538 และได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดลพบุรี
ผลงานด้านดนตรีไทย ได้ประพันธ์เพลงต่างๆ ดังนี้
พ.ศ. 2532 เพลงสาวไหมเถา และเพลงโหมโรงเทพเทวา
พ.ศ. 2533 เพลงระบำนวดข้าว
พ.ศ. 2534 เพลงระบำนารายณ์
พ.ศ. 2535 เพลงระบำลวบุระ และเพลงศึกบางระจัน
พ.ศ. 2536 เพลงระบำปรีดิ์เปรมวานร และเพลงโหมโรงปรางค์สามยอด
พ.ศ. 2537 เพลงปรางแขกเถา
พ.ศ. 2538 เพลงศาลพระกาฬเถา
คนเก่ง คนดี คนมีประโยชน์
ด้านวัฒนธรรม : นายวิเชียร คำเจริญ (ลพ บุรีรัตน์ )
ลพ บุรีรัตน์ มีชื่อจริงว่า วิเชียร คำเจริญ เกิดที่บ้านบางมะยม ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จังหวัดลพบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสิงหฤกษ์ประสิทธิ์ และเรียนสายวิชาชีพแผนกช่างตัดผม โรงเรียนการช่าง จ.ลพบุรี ชอบฟังเพลงและร้องเพลงมาตั้งแต่เยาว์วัย เริ่มอาชีพครั้งแรกเป็นช่างตัดผม มีความปรารถนาที่จะเป็นนักร้องและนักแต่งเพลง ต่อมาได้มีโอกาสชมการแสดงดนตรีคณะกรุงเทพฯ แมมโบ จึงได้สมัครเป็นนักร้องกับ นายบังเละ วงษ์อาบู และได้ทดลองแต่งเพลง 'เพลงกอดหมอนนอนเพ้อ' เป็นเพลงแรก
สมัครเป็นลูกศิษย์ครูไพบูลย์ บุตรขัน แล้วเริ่มฝึกฝนการแต่งเพลงและการร้องเพลง และเป็นลูกศิษย์ครูมงคล อมาตยกุล อยู่กับวงดนตรีจุฬารัตน์ ทำหน้าที่แต่งเพลงและร้องเพลง ฯลฯ อยู่ในวงดนตรีนี้ใช้ชื่อว่า 'กนก เกตุกานต์' ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่ชื่อ 'ลพ บุรีรัตน์' ให้ครูไพบูลย์ บุตรขัน เป็นคนตั้งชื่อให้ เพลงที่้สร้างชื่อเสียงให้ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเฉพาะเพลง 'โนราห์หาย' ต่อมาครูมงคลประกาศยุบวงดนตรีจุฬารัตน์ จึงได้ตั้งวงดนตรีชื่อ
'วงลพ บุรีรัตน์' ขึ้นมาแทน
ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการลูกทุ่ง เมื่อประพันธ์เพลงให้ราชินีลูกทุ่ง 'พุ่มพวง ดวงจันทร์' เป็นผู้ขับร้อง และผลงานเพลงของนายวิเชียร คำเจริญ มีมากกว่า 2,000 เพลง ด้วยความสามารถในด้านการประพันธ์เพลงที่มีเนื้อหาสาระทั้งประเภทเพลงลูกทุ่งแนวสนุกสนาน แนวรัก แนวสร้างสรรค์ แนวเพลงเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จึงได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย
พ.ศ. 2508 ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมคือ 'เพลงบ้านใกล้เรือนเคียง' ขับร้องโดย ชาย เมืองสิงห์
พ.ศ. 2509 ผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมคือ 'เพลงคุณหมอคะ' ขับร้องโดย เรณู เบญจวรรณ
พ.ศ. 2515-2516 แต่งเพลง 4 เพลงคือ เพลงโนราห์หาย, อย่างพูดดีดว่า, แหม่มกะปิ และฮักพี่จั๊กหน่อย ส่วนเพลง 'โนราห์หาย' ได้สร้างชื่อเสียงให้ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
พ.ศ. 2520 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'ข้าคือคนไทย' ขับร้องโดย ก้องเพชร แก่นนคร
พ.ศ. 2522 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเพลง 'รางวัลนักรบ' ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ
พ.ศ. 2525 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'ทำดีสักทีเถอะน่า' พร้อมกับได้รับโล่เชิดชูเกียรติในฐานะนักประพันธ์เพลงตัวอย่าง
พ.ศ. 2532 ได้รับพระราชทานรางวัลเพลงดีเด่นในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 ได้ 2 รางวัล จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'สาวนาสั่งแฟน' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ และเพลง 'เข้าเวรรอ' ขับร้องโดย ศรเพชร ศรสุพรรณ
พ.ศ. 2533 แต่งเพลง 'น้ำพระทัยสมเด็จย่า' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ ถวายเนื่องในวันครบรอบ 90 พรรษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พ.ศ. 2534 ได้รับพระราชทานรางวัลเพลงดีเด่นในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเพลง 'สยามเมืองยิ้ม' ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์
พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชนิพนธ์คำร้องเพลง 'พลบค่ำ' แล้วมอบให้ครูลพ บุรีรัตน์ ประพันธ์ทำนองเพลง
พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงดีเด่นถึง 3 เพลง ในงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรมไทย คือเพลง 'ทรงมหาเสน่ห์' ขับร้องโดย ลัดดาวัลย์ ประวัติวงศ์, เพลง 'แบ่งกันคนละครึ่ง' ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ และเพลง 'หลงมนต์คนเอฟเอ็ม' ขับร้องโดย ศิรินทรา นิยากร
พ.ศ. 2539 ได้รับยกย่องจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงรณรงค์วัฒนธรรมไทย ด้วยผลงานเพลง 3 เพลง คือ เอกลักษณ์ไทย, ย่องเมืองเท่ เท่ และพระเทพฯ ทรงบุญ
พ.ศ. 2548 ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง)
2023 © Thepsatri Rajabhat University