สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
ไทยยวน
ชนกลุ่มไทยยวน เป็นชนกลุ่มหนึ่งที่มีภาษาพูด และวัฒนธรรม ละม้ายกับผู้คนในภาคเหนือแถบเชียงใหม่ เชียงแสน ชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ชาวไทยยวนจะตั้งหมู่บ้านเรียงไปตามริมแม่น้ำป่าสักทั้งสองฟากฝั่ง และอาศัยอยู่ในทุกตำบลของอำเภอนั้น และเมื่อชุมชนขยายตัวมากขึ้น สมาชิกในชุมชน ได้ขยายไปยังชุมชนต่างๆ ของจังหวัดสระบุรี บางคนอพยพไปถึง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
ชาวไทยยวนตั้งหมู่บ้านโดยให้วัดเป็นศูนย์กลางชุมชน มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายอยู่รอบๆ ในอดีตบ้านเรือนชาวไทยยวนเสาไห้มีลักษณะเป็นแบบเรือนชาวล้านนา ที่เรียกว่า "เรือนกาแลและเรือนแบบชาวไทยภาคกลาง"
ทางด้านภาษา ชาวไทยยวนเสาไห้จะใช้อักษรธรรม แบบเดียวกับชาวล้านนา ส่วนประเพณีวัฒนธรรมนั้น ก็ยังคงรักษาอยู่ก็คือ ประเพณีสลากภัต ประเพณีถวายปราสาทผึ้ง เป็นต้น
การประกอบอาชีพ ชาวไทยยวน อำเภอเส้าไห้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา รับจ้าง ค้าขาย อาชีพเสริมคือ ทอผ้า
การแต่งกายของชาวไทยยวน
- หญิงสาว ไว้ผมยาวเกล้ามวยตกแต่งผมโดยใช้ดอกไม้ไหวหรือปิ่นปักผม นุ่งผ้าซิ่นคล้ายจีบหน้านาง มีลวดลายเป็นริ้วตามขวาง ผ้าที่ใช้เป็นผ้าซิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยยวนและเป็นผ้าที่ทอใช้เอง เรียกว่า " ซิ่นชาวเหนือ ซิ่นไก และซิ่นมุก " ใช้นุ่งในชีวิตประจำวัน
- ผู้ชาย ไว้ผมทรงมหาดไทย ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีพื้นค่อนข้างเข้ม เช่นสีดำ สีกรมท่า สีน้ำตาล ใช้ผ้าขาวม้าเคียนเอว
หญิงสาวชาวไทยยวนเป็นกลุ่มชนที่มีความรู้ความสามารถในการทอผ้าเป็นเลิศ จนถือเป็นเงื่อนไข ในการดำเนินชีวิตว่าการเป็นกุลสตรีไทยยวนที่สมบรูณ์นั้น จะต้องมีความสามารถทอผ้าได้ ยิ่งมีความสามารถทอผ้าได้งามมากเท่าใด ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนั้นเพียบพร้อมมากเท่านั้น
ไทยเบิ้ง
ไทยเบิ้งหรือไทเดิ้ง หรือไทยโคราช เป็นกลุ่มชนพื้นถิ่นอีกกลุ่มนึงที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก อ.พัฒนานิคม อ.ชัยบาดาล อ.โคกสำโรง และอำเภอสระโบสถ์ จ.ลพบุรี และยังตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในจังหวัดอื่นๆ อีกเช่น อำเภอวังม่วง จ.สระบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอวิเชียรบุรี จ.เพชรบรูณ์ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.ชัยภูมิ "ไทยเบิ้ง" คือกลุ่มชนที่ใช้ภาษาไทยกลาง เพียงแต่สำเนียงเพี้ยนเหน่อเท่านั้น มีภาษาไทยลาวปนอยู่บ้าง
การตั้งบ้านเรือน ชาวไทยเบิ้งนิยมปลูกเรือนใต้ถุนสูง เช่นเดียวกับบ้านในชนบทมีใต้ถุนบ้านสูงญาติพี่น้องปลูกบ้านในบริเวณใกล้เคียงกัน ลักษณะครอบครัวจะเป็นครอบครัวขยาย สมัยก่อนมีอาชีพทำนาทำไร่เป็นหลัก ปัจจุบันมีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย พูดเสียงเหน่อ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ ใจบุญสุนทาน รักสนุก ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน *การแต่งกาย ชาวไทยเบิ้งเป็นคนเรียบง่าย จึงมีการแต่งกายแบบธรรมดา มีเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นนิยมใช้ผ้าฝ้ายมากกว่าผ้าทอ จากเส้นใยอื่นๆ ถ้าเป็นโอกาสพิเศษจะใช้ผ้าฝ้ายที่ทอปนกับผ้าไหม การแต่งกายของชนกลุ่มนี้มีลักษณะดังนี้
- ผู้หญิง นุ่งผ้าโจงกระเบนเป็นผ้าพื้นทอมือสีเข้ม คาดเข็มขัดเงิน เข็มขัดทอง หรือเข็มขัดนาก สวมเสื้อตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือ เสื้อที่นิยมใช้เรียกว่าเสื้อ "คอกระโจม" และเสื้อ "อีแปะ" หญิงชาวไทยเบิ้งจะใส่เสื้อดังกล่าวได้ทุกโอกาส ส่วนเครื่องประดับนั้นนิยมใช้ทองมากกว่าเพชรพลอย นิยมใส่ตุ้มหูมากกว่าสร้อยและแหวน
ปัจจุบันหญิงชาวไทยเบิ้งที่สูงอายุจะนุ่งโยงกระเบน ส่วนวัยกลางคนนิยมนุ่งผ้าถุง ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายพิมพ์ลายหรือผ้าฝ้ายพื้นสีเข้ม สวมเสื้อคอกระเช้า สะพายย่ามทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชน
- ผู้ชาย นุ่งกางเกงขาก๊วย กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว หากอยู่บ้านจะนุ่งผ้าถุงไม่สวมเสื้อ เมื่อออกนอกบ้านจะใส่เสื้อคอกลม ปกฮาวาย หรือปกเชิ้ต มีผีขาวม้าพาดบ่าเหมือนสไบ ตัดผมทรงดอกกระทุ่มสะพายย่าม ไม่สวมรองเท้า ปัจจุบันชาวไทยเบิ้งแถบลุ่มน้ำป่าสัก จ.ลพบุรี แต่งกายแบบเดียวกับคนไทยในท้องถิ่นอื่นๆแล้ว
ประเพณีพื้นบ้านของชาวไทยเบิ้งในเขตลุ่มแม่น้ำป่าสัก จัดตามเทศกาลหรือโอกาสต่างๆ โดยทั่วไปมีประเพณีคล้ายกับชาวไทยภาคกลาง คือ
- ประเพณีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ได้แก่ เทศน์มหาชาติ การทำบุญวันมาฆบูชา วิสาขบูชา เข้าพรรษา ออกพรรษา ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เป็นต้น
- ประเพณีตรุษ สารท เป็นประเพณีทำบุญในโอกาสสิ้นปีและอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
- ประเพณีเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ซึ่งอาชีพหลักของชาวไทยเบิ้ง คือ ทำนา เมื่อถึงฤดูการทำนา จะมีประเพณีต่างๆ จัดทำเพื่อบูชาผี หรือเทวดาเพื่อบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลหรือให้เกิดผลผลิตที่ดี ได้แก่ ประเพณีแห่นางแมวขอฝน ประเพณีรับท้องข้าว ประเพณีรับขวัญข้าวหรือเรียกขวัญข้าว
- ประเพณีที่เกี่ยวกับความเชื่อ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เช่น ประเพณีทำบุญกลางบ้าน จัดทำพิธีบูชาผีเพื่อให้เกิดสิริมงคล ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีโรคภัย และให้ไร่นามีผลผลิตอุดมสมบูรณ์
อาชีพ การประกอบอาชีพส่วนใหญ่ยังคงทำนาเป็นอาชีพหลัก ทำไร่ ทำประมง และหาของป่า ส่วนการทำประมงจะจับปลามาเป็นอาหาร อาหารจากปลานิยมเอามาปรุงอาหารสดรับประทาน เช่น แกง ปิ้ง ย่าง การเก็บถนอมอาหาร ทำเป็นปลาร้า น้ำปลา และปลาเค็ม ส่วนของป่าจะหามาแลกกับอาหารหรือแลกของใช้
สำหรับอาชีพเอกลักษณ์ดั้งเดิมชาวไทยเบิ้ง คือ "อาชีพทำไต้ และทำลาน" แต่ได้เลิกไปตั้งแต่ราว พ.ศ. 2500 เนื่องจากการบุกพื้นที่ป่ารอบๆ หมู่บ้านทำให้ต้นยางและต้นลานถูกตัดทิ้ง
ด้านวัฒธรรม ได้แก่
- ภาษาและวรรณกรรมของชาวไทยเบิ้ง ที่ตำบลชัยบาดาล, ตำบลมะนาวหวาน, ตำบลโคกสลุง และตำบลหนองบัว ภาษาไทยเบิ้งคือภาษาไทยโคราชและคล้ายภาษาไทยภาคกลางแต่เสียงวรรณยุกต์ต่างกัน และนิยมลงท้ายประโยคด้วยคำว่า เบิ้ง เดิ้ง ด๊อก เหว่ย
ส่วนวรรณกรรมของชาวไทยเบิ้งนิยมเขียนบนสมุดไทยใบลาน ใช้อักษรไทย อักษรขอม สำหรับวรรณกรรมที่ค้นพบได้แก่ นิทาน นิยาย คำสอน และคติธรรม ตำรายา ตำราหมอดูและกฏหมาย เป็นต้น
- ศิลปกรรม ของชาวไทยเบิ้งหรือทำโดยกลุ่มไทยลาว ได้แก่ ประติมากรรมสลักไม้รูปช้าง ม้า ใช้บนศาลในหมู่บ้าน หรือพระพุทธรูปไม้สลัก ภาพวาดบนสมุดข่อย และภาพพระบฏ เป็นต้น
- เครื่องดนตรี เป็นเครื่องดนตรีท้องถิ่น ไม่มีความซับซ้อนในการทำ เช่น เพี้ย โทน ปี่ กลองยาว เครื่องดนตรีบางชนิดลักษณะใกล้เคียงกับชุมชนจังหวัดนครราชสีมาและไทยลาว เครื่องดนตรีเหล่านี้ได้สร้างอารมณ์สนุกสนานครึกครื้นให้กับผู้เล่นและผู้ฟังโดยเฉพาะโทนและกลองยาว
- เพลงพื้นบ้าน มีทั้งประเภทให้อารมณ์สนุกสนานครึกครื้น โดยใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เช่น เพลงรำโทน แต่เพลงพื้นบ้านบางชนิดให้อารมณ์แก่ผู้ฟังจากปฏิภาณของผู้ที่ขับร้องที่คิดเนื้อเพลงขึ้น ใช้เพลงเป็นสื่อโต้ตอบหรือเกี้ยวพาราสี เช่น เพลงช้าเจ้าหงส์ เพลงหอมดอกมะไพ เพลงโนเน เพลงโคราช เป็นต้น
- การละเล่นและกีฬาพื้นบ้าน ของชาวไทยเบิ้ง คล้ายคลึงกับชาวไทยในภาคกลางและชาวไทยโคราช เช่น มอญซ่อนผ้า งูกินหาง ขี่ม้าก้านกล้วย โพงพาง วิ่งเปี้ยว เป็นที่นิยมสำหรับเด็ก ส่วนการละเล่นผู้ใหญ่ เช่น ลูกช่วง สะบ้า ต่อไก่ งูข้ามเส้า เบี้ยริบ เป็นการละเล่นที่เล่นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ หรือประเพณีกลางบ้าน การละเล่นกีฬาพื้นบ้านเล่นเพื่อความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
งานทานตะวันบานที่วังม่วง
ที่อำเภอวังม่วง ถือเป็นอีกพื้นที่ที่มีการปลูกดอกทานตะวันกันมาก โดยจะปลูกติดต่อกันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ด้วยเหตุนี้เวลาที่ดอกทานตะวันบานจึงบานจึงเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดอีกช่วงเวลาหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นนิยมเดินทางเข้าไปชื่นชมไม่ขาดสายในทุกๆ ปี
เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ทางจังหวัดและชาวอำเภอวังม่วงจึงได้ร่วมกันจัดงานทานตะวันบานที่วังม่วงขึ้นกำหนดงานช่วงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ทานตะวันออกดอกบานสะพรั่ง
บริเวณงานอยู่ภายในที่ทำการอำเภอ มีการแสดงพื้นบ้าน มหรสพตลอดจนการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง
ประเพณีแข่งเรือยาวลุ่มน้ำป่าสัก
นอกจากการทำบุญรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่และสรงน้ำเสาตะเคียนแล้วที่อำเภอเสาไห้ยังมีประเพณีสำคัญที่ถือปฏิบัติสืบมา คือ ประเพณีแข่งขันเรือยาวงานจัดขึ้น ณ ลำน้ำป่าสักหน้าที่ว่าการอำเภอเสาไห้ ประมาณวันเสาร์-อาทิตย์ สุดท้ายของเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงน้ำขึ้น
เรือที่เข้าแข่งขันมีทั้งเรือในจังหวัด และจังหวัดอื่นๆ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามขนาดของเรือและจำนวนฝีพาย ถือเป็นการร่วมสนุกและอนุรักษ์ประเพณีเก่าแก่ของไทยในท้องถิ่น
2023 © Thepsatri Rajabhat University