Page 63 - จิตรกรรมฝาผนัง วัดธรรมิการาม อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
P. 63

ภาพพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ และ ๖ พระองค์ แต่ภาพและเรื่องราวที่เขียนในพระบฏนั้นแสดง
            เรื่องราวของพระโคตมพุทธเจ้าเป็นส�าคัญ เช่น ตอนโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตอน
            เสด็จจากดาวดึงส์ลงมายังเมืองสังกัสสะ และเรื่องราวในทศชาติและพระมาลัย ส�าหรับภาพอดีต
            พุทธเจ้าที่นิยมคือภาพพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ในภัทรกัป ได้แก่ พระกุกสันธะ พระโกนาคมนะ
            พระกัสสปะ พระโคตมะ และพระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งสอดคล้องกับคติความเชื่อพระพุทธเจ้า
            ๕ พระองค์ในต�านาน ส่วนที่พบภาพพระพุทธเจ้าตามคติความเชื่อเรื่องพุทธเจ้า ๖ พระองค์ที่วัด
            ชุมพลนิกายาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายความได้ถึงอดีตพุทธเจ้าจ�านวน ๖ พระองค์
            ตามคติบูชาพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ ภาพพระพุทธเจ้าจ�านวนมากที่ปรากฏในงานจิตรกรรม
            ก�าหนดอายุเก่าแก่สุดในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ และเป็นที่นิยมจนถึงราวต้นพุทธศตวรรษที่
            ๒๔ ที่งานศิลปกรรมได้รับอิทธิพลจากความคิดและรูปแบบศิลปกรรมตะวันตก คติความเชื่ออดีต
            พุทธเจ้าตามคติพุทธเถรวาทที่เน้นจ�านวนอดีตพุทธเจ้าเกี่ยวข้องกับประวัติของพระโคตมพุทธเจ้า
            หรือการบ�าเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวและจ�านวนสอดคล้องกับ
            คัมภีร์เถรวาททั้งสายที่ตามแนวทางพุทธวงศ์และที่มีความเห็นไปทางพุทธมหายาน ซึ่งมีจ�านวน
            ที่นับได้ ๓ พระองค์ ๖ พระองค์ ๒๔ พระองค์ ส่วนจ�านวนนอกจากนี้สื่อความได้ถึงพระพุทธเจ้า
            จ�านวนมากและไม่อาจประมาณนับได้ที่อุบัติขึ้นมาแล้วในอดีตและจะอุบัติขึ้นในอนาคตนั่นเอง


            การบอกเวลา
                 ในอดีตวัดและวังต่างๆ มักจะ “ย�่ากลอง” หรือ “ย�่าฆ้อง” “ย�่าระฆัง” เพื่อบอกเวลาให้
            ชาวบ้านรู้ เพราะในสมัยก่อน นาฬิกาถือเป็นสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ที่หายากและราคาแพงจึงมักจะมี
            เฉพาะตามวัดและตามวังเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พระสงฆ์หรือเจ้าหน้าที่จึงต้องตีกลองหรือฆ้องระฆัง
            เป็นสัญญาณบอกให้ทราบเวลาเป็นระยะๆ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ
            ได้ทรงอธิบายไว้ในหนังสือ “นิทานโบราณคดี” ตอนหนึ่งว่า “…ที่เมืองพาราณสี..ก็เรียกเวลา
            ๖ นาฬิกาเช้า ว่า “ย�่ารุ่ง” ค�าที่พูดว่า “ย�่า” คงมาจากย�่าฆ้องระฆังนั่นเอง แต่ฉันยังไม่มาแต่ก่อน
            ว่าเหตุใดจึงตีย�่า เมื่อได้ฟังอธิบายที่เมืองพาราณสีก็เข้าใจซึมซาบในทันทีว่า “ย�่า” เป็นสัญญาณ
            เรียกคนเปลี่ยนยาม เห็นว่าประเพณีไทยแต่โบราณ เวลากลางวันให้คนอยู่ยามผลัดละ ๖ ชั่ว
            นาฬิกา แต่กลางคืนผลัดระยะ ๓ นาฬิกา และยังแลเห็นสว่างต่อไปอีกด้วยประเพณีตีระฆังยาม
            ที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เมื่อตีย�่าระฆัง แล้วมีคนเป่าแตรงอน และเป่าปี่ตีมโหระทึก
            ประโคมต่อไปอีกพักหนึ่ง…“ แม้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ จะมีการตั้งหอนาฬิกาขึ้นภายในพระบรม
            มหาราชวังแต่ก็อาจมีบางจุดที่เห็นเวลาบนนาฬิกาได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นการบอกเวลาด้วยสัญญาณเสียง
            จึงยังมีการใช้งานอยู่ เพราะสามารถบอกเวลาที่อ้างอิงจากนาฬิกาได้ทั่วถึงและกว้างขวางกว่า
            ในยุคที่นาฬิกาพกประจ�าตัวยังไม่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย” (กรมศิลปากร. ๒๕๕๙. หน้า ๗๒)


                                                                      |  61
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68